แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าทำศพบุตรของโจทก์ซึ่งถึงแก่ความตายเพราะการกระทำละเมิดของลูกจ้างจำเลย แม้โจทก์จะมิได้นำสืบถึงรายละเอียดว่าได้ใช้จ่ายเงินเป็นค่าทำศพไปเป็นจำนวนเท่าใด ศาลก็กำหนดให้จำเลยชดใช้ให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438
จำเลยที่ 1 ได้เอาประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของตนไว้กับจำเลยที่ 2 ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์คันนี้ไปในทางการที่จ้างโดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้ร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ดังนี้ โจทก์ไม่จำต้องนำกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 มาแสดงประกอบการนำสืบ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัย หากแต่โจทก์เป็นบุคคลภายนอกฟ้องให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนที่ทำไว้กับผู้เอาประกันภัย กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ม – ๔๘๐๘ และได้เอาประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันนี้ไว้กับจำเลยที่ ๒ นายชุมพลลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ โดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรของโจทก์ถึงแก่ความตาย จึงขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าทำศพและค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า นายชุมพลผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ และนายชุมพลไม่ได้ขับรถยนต์โดยประมาท โจทก์มิได้ขาดไร้อุปการะค่าทำศพไม่มากตามฟ้อง และจำเลยที่ ๒ ไม่ได้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าทำศพ และค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาเรื่องค่าเสียหายเกี่ยวกับค่าทำศพว่า โจทก์มิได้นำสืบถึงรายละเอียดแห่งค่าทำศพ และไม่มีหลักฐานว่าได้จ่ายเงินค่าทำศพไปจริง จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจริง เห็นว่า แม้โจทก์จะมิได้นำสืบถึงรายละเอียดว่าได้ใช้จ่ายเงินเป็นค่าทำศพไปเป็นจำนวนเท่าใดศาลก็วินิจฉัยกำหนดให้ตามควรแห่งพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๘ สำหรับกรณีนี้ ผู้ตายรับราชการเป็นครู ค่าทำศพ ๑๐,๐๐๐ บาท เห็นว่าเหมาะสมกับฐานะผู้ตายและโจทก์แล้ว
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ ๒ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ นั้นศาลฎีกาเชื่อตามพยานหลักฐานโจทก์ว่า จำเลยที่ ๑ ได้เอาประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.บ – ๔๘๐๘ ไว้กับจำเลยที่ ๒ ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือกรมธรรม์ประกันภัยมาแสดงต่อศาลด้วยนั้น เห็นว่าโจทก์มิได้ฟ้องให้จำเลยที่ ๒ รับผิดต่อโจทก์ในฐานะโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยกับจำเลยที่ ๒ หากแต่โจทก์เป็นบุคคลภายนอกฟ้องให้จำเลยที่ ๒ รับผิดในมูลละเมิด การนำสืบว่าจำเลยที่ ๒ รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.บ – ๔๘๐๘ ของจำเลยที่ ๑ จึงไม่ตกอยู่ในบทบังคับของกฎหมายให้โจทก์ต้องนำกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ มาแสดงประกอบการนำสืบ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีจำเลยที่ ๒ ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์