คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3288/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บ้านพักของผู้เสียหายอยู่ภายในบริเวณโรงเรียนซึ่งมีรั้วลวดหนามกั้นจำเลยเข้าไปในบริเวณบ้านพักของผู้เสียหายในยามวิกาลโดยเจตนาจะลักไก่ของผู้เสียหายซึ่งถูกขังไว้ในสุ่มที่สามารถจะเปิดจับเอาไปได้โดยง่าย จำเลยไปอยู่ห่างจากสุ่มไก่ประมาณ 1 เมตร นับว่าใกล้ชิดติดกับตัวทรัพย์คือไก่ที่พร้อมจะเอาไปได้ในทันทีทันใด เป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว เมื่อกระทำไปไม่ตลอดย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 334, 335
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1) วรรคแรก ประกอบมาตรา 80 ให้จำคุก 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยยังมิได้กระทำการอันใดที่พอจะถือได้ว่าถึงขั้นลงมือกระทำความผิด การกระทำของจำเลยจึงยังเพียงอยู่ในขั้นตระเตรียมกฎหมายยังไม่เอาโทษ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าคืนเกิดเหตุจำเลยเข้าไปหลังบ้านพักครูบริเวณที่เลี้ยงไก่ของนายขจรศักดิ์ อาจศรี ผู้เสียหายเพื่อจะลักไก่ของผู้เสียหายนางบังอร เรือนเงิน พบเห็นเข้าเสียก่อนและร้องเรียกให้คนช่วยจำเลยจึงวิ่งหนี ปัญหาตามฎีกาของโจทก์มีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์หรือไม่ ได้ความจากคำของผู้เสียหายประกอบกับแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.1 ว่าบริเวณโรงเรียนซึ่งมีอาคารเรียนและบ้านพักครูกับบ้านพักภารโรงมีรั้วลวดหนามกั้นผู้เสียหายซึ่งพักอยู่ที่บ้านพักครูหลังหนึ่งได้เลี้ยงไก่ชนไว้1 ตัว ราคา 400-500 บาท ขังไว้ในสุ่มใต้ต้นไม้ใหญ่ห่างจากบ้านพักประมาณ 2 เมตร นางบังอร เบิกความว่าเห็นคนร้ายอยู่ห่างจากบริเวณที่เลี้ยงไก่ของผู้เสียหายประมาณเมตรเศษ กับได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยรับว่าจำเลยเข้าไปเพื่อจะลักไก่บริเวณบ้านพักครูศาลฎีกาเห็นว่า บ้านพักของผู้เสียหายอยู่ภายในบริเวณของโรงเรียนซึ่งมีรั้วลวดหนามกั้น จำเลยเข้าไปในบริเวณบ้านพักของผู้เสียหายในยามวิกาลก็โดยเจตนาจะลักไก่ของผู้เสียหาย โดยไก่ของผู้เสียหายถูกขังไว้ในสุ่มที่สามารถจะเปิดจับเอาไปได้โดยง่ายจำเลยไปอยู่ห่างจากสุ่มไก่ประมาณ 1 เมตร นับว่าใกล้ชิดติดกับตัวทรัพย์คือไก่ที่พร้อมจะเอาไปได้ในทันทีทันใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว แต่เมื่อกระทำไปไม่ตลอด เพราะมีผู้พบเห็นและส่งเสียงร้อยบอกขึ้นว่าเป็นขโมย จำเลยจึงวิ่งหนี จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์แล้ว ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยยังเพียงอยู่ในขั้นตระเตรียมฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share