แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพกับขอให้การใหม่เป็นปฏิเสธ เป็นการแก้ไขคำให้การตาม ป.วิ.อ. มาตรา 163 วรรคสอง กำหนดให้สิทธิจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษาเมื่อมีเหตุอันสมควร ถึงแม้ว่าการจะอนุญาตหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาลก็ตาม แต่สำหรับกรณีนี้จำเลยได้คัดค้านข้อเท็จจริงตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติซึ่งสุรปผลข้อเท็จจริงที่เป็นผลร้ายต่อจำเลย ถือว่าคดีมีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประเด็นแรกว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ตามคำฟ้องโจทก์กล่าวบรรยายว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2544 เวลากลางวัน จำเลยได้ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พานายสมโภชน์ พุฒวิเชียร ผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์ อันมิใช่ความผิดลหุโทษหลบหนีการจับกุมของจ่าสิบตำรวจประวิง มิ่งสาทอง กับพวก เหตุเกิดที่ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189, 33 เห็นว่า คำฟ้องโจทก์ได้กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด รวมทั้งข้อเท็จจริง รายละเอียดเกี่ยวกับเวลา สถานที่ ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ และอ้าง…บทลงโทษ ครบถ้วนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 กำหนดแล้ว คำฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมดังที่จำเลยอ้าง ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประเด็นต่อไปว่า ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิมที่รับสารภาพและให้การปฏิเสธนั้น ตามบันทึกคำฟ้องด้วยวาจาพร้อมคำรับสารภาพของจำเลยฉบับลงวันที่ 20 ตุลาคม 2544 ศาลชั้นต้นให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจ ประวัติความประพฤติของจำเลย ต่อมาพนักงานคุมประพฤติได้ทำรายงานฉบับลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2544 เมื่อศาลชั้นต้นอ่านรายงานการสืบเสาะและพินิจให้จำเลยทราบ จำเลยแถลงคัดค้านข้อเท็จจริงจากการสืบเสาะที่ระบุว่า “จำเลยน่าจะทราบถึงการตกเป็นผู้ต้องหาของนายสมโภชน์ พุฒวิเชียร” และขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพกับขอให้การใหม่เป็นปฏิเสธ แต่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิมและพิพากษาลงโทษจำเลยไป เห็นว่า การขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพกับขอให้การใหม่เป็นปฏิเสธเป็นการแก้ไขคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง กำหนดให้สิทธิจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษาเมื่อมีเหตุอันสมควร ถึงแม้ว่าการจะอนุญาตหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาลก็ตาม แต่สำหรับกรณีนี้จำเลยได้คัดค้านข้อเท็จจริงรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติซึ่งสรุปผลข้อเท็จจริงที่เป็นผลร้ายต่อจำเลย ถือว่าคดีมีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้ ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น อนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิมได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยข้ออื่นต่อไป”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิมและยกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาต่อไปและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี