แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้เช่านาตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524โจทก์อ้างว่าจำเลยที่4ได้บอกเลิกการเช่าโดยมิได้ปฎิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงร้องเรียนต่อคชก.ตำบลดอนแฝก หลังจากคชก.ตำบลดอนแฝกมีคำวินิจฉัยแล้วโจทก์อุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อคชก.จังหวัดนครปฐมโจทก์ต้องปฎิบัติตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา57คือให้คชก.จังหวัดนครปฐมมีคำวินิจฉัยก่อนหลังจากคชก.จังหวัดนครปฐมแล้วโจทก์ไม่พอใจคำวินิจฉัยดังกล่าวจึงนำคดีฟ้องร้องต่อศาลได้เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 9586ตำบลดอนแฝก อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ 37 ไร่3 งาน 80 ตารางวา จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับนายตอง และนางอุบลเพื่อทำนาประมาณ 20 ปี ไม่มีหนังสือสัญญาเช่า ชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกปีละ 3 เกวียนโจทก์จึงเป็นผู้เช่านาตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 วันที่ 12 มกราคม 2532นายตองกับนางอุบลขายที่ดินส่วนของตนให้แก่จำเลยที่ 3 ที่ 4จำเลยที่ 3 ที่ 4 จึงต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่าตามกฎหมายระหว่างวันที่ 18 ถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2532จำเลยที่ 4 กับบริวารเข้าไปไถที่ดินพิพาทอันเป็นการรบกวนการครอบครองที่ดินพิพาท โดยจำเลยทั้งสี่ไม่ได้บอกเลิกการเช่าโดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลดอนแฝกคณะกรรมการดังกล่าวมีมติว่าโจทก์มีสิทธิที่จะทำนาในที่ดินที่เช่าจากจำเลยทั้งสี่ต่อไปจนครบ 1 ปีตามรายงานการประชุมลงวันที่ 16พฤษภาคม 2532 โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดนครปฐมว่า โจทก์มีสิทธิเช่าที่ดินเพื่อทำนาต่อไป และอยู่ในระหว่างพิจารณาของคณะกรรมการดังกล่าวการกระทำของจำเลยทั้งสี่ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ปีละ 80,000 บาทจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะออกจากที่ดินที่เช่า และให้โจทก์เข้าทำนาต่อไปในที่ดินที่เช่า
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์เคยเช่าที่พิพาทของจำเลยที่ 1และที่ 2 ที่ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายตองและนางอุบล เมื่อปี2528 เจ้าของที่ดินทั้งสี่ได้บอกโจทก์ว่า หากจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 และที่ 2 สมรสกับจำเลยที่ 3 หลานของโจทก์จำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเป็นจะต้องขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 4เพื่อให้ทำกิน โจทก์ตกลงที่จะคืนที่ดินพิพาทด้วยความสมัครใจจำเลยที่ 3 และที่ 4 กู้เงินซื้อที่ดินส่วนของนายตองกับนางอุบลไว้ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2531 สมรสกับจำเลยที่ 4 โจทก์พูดยืนยันในงานสมรสว่าจะคืนที่ดินพิพาททั้งหมดให้ แต่ขอเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จก่อน ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2532 โจทก์เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จบอกจำเลยทั้งสี่ว่าขอคืนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ทำกินต่อไป โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะผู้เช่า การที่จำเลยทั้งสี่เข้าครอบครองทำประโยชน์ที่ดินพิพาทเป็นการกระทำโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมายจึงไม่เป็นการละเมิดโจทก์ไม่เสียหาย หากจะเสียหายก็ไม่เกินปีละ 2,000 บาท สำหรับข้อพิพาทเกี่ยวกับการการเช่านา โจทก์ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลดอนแฝกคณะกรรมการดังกล่าววินิจฉัยในเบื้องต้นแล้ว แต่โจทก์และจำเลยทั้งสี่ไม่เห็นพ้องด้วยจึงอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดนครปฐมอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดนครปฐมโจทก์จึงต้องรอฟังคำวินิจฉัยเด็ดขาดก่อนจึงจะมีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวิเคราะห์แล้ว ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าที่นาจากจำเลยทั้งสี่โจทก์จึงเป็นผู้เช่านาตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 จำเลยที่ 4 ได้บอกเลิกการเช่าโดยมิได้ปฎิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลดอนแฝกหรือเรียก คชก. ตำบลดอนแฝก หลังจาก คชก. ตำบลดอนแฝกมีคำวินิจฉัยแล้ว โจทก์อุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดนครปฐมหรือเรียกคชก. จังหวัดนครปฐม ระหว่างการพิจารณาของ คชก. จังหวัดนครปฐม โจทก์นำคดีฟ้องร้องว่า การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายที่ไม่ได้เข้าทำและให้โจทก์เข้าทำนาในที่เช่าต่อไปเห็นว่า พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 13 (2) บัญญัติให้ คชก. ตำบลมีอำนาจหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับระยะเวลาของการเช่า ตลอดจนค่าเสียหายอันเกิดจากการเช่าของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า เมื่อโจทก์ได้ร้องเรียนต่อ คชก. ตำบลดอนแฝก และอุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อ คชก. จังหวัดนครปฐม แล้วโจทก์ต้องปฎิบัติตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 57 คือ ให้ คชก. จังหวัดนครปฐมมีคำวินิจฉัยก่อน หลังจาก คชก. จังหวัดนครปฐมวินิจฉัยแล้ว โจทก์ไม่พอใจคำวินิจฉัยดังกล่าว จึงนำคดีฟ้องร้องต่อศาลได้ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายที่บัญญัติไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าจำเลยทั้งสี่กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ และค่าเสียหายมีเพียงใด ต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษายืน