คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนมาครั้งหนึ่งแล้วด้วยเหตุจำเลยเดินทางไปทำธุรกิจต่างจังหวัดและคดีมีทางตกลงกันได้ แต่ศาลชั้นต้นก็ได้สั่งกำชับว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยและขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาลชั้นต้น โดยไม่มีพยานจำเลยมาศาลแสดงว่าฝ่ายจำเลยมิได้ใส่ใจวันนัดและคำสั่งกำชับของศาลชั้นต้นทั้งในคำร้องขอเลื่อนคดีและขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวจำเลยว่าไปที่จังหวัดใดด้วยธุรกิจอะไร และเหตุใดจึงมาศาลในวันนัดไม่ได้ อีกทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ระบุอ้างเอกสารที่สนับสนุนข้อต่อสู้ตามคำให้การ จากพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเป็นการชอบแล้ว

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทที่จำเลยเช่าจากโจทก์ ให้จำเลยชำระค่าเช่า จำเลยให้การว่าจำเลยซื้อบ้านพิพาทจากโจทก์ สัญญาเช่าที่โจทก์นำมาฟ้องได้มีการยกเลิกแล้ว ศาลชั้นต้นให้จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยอ้างว่าตัวจำเลยเดินทางไปทำธุรกิจต่างจังหวัดและโจทก์จำเลยมีทางตกลงกันได้ ทนายโจทก์ไม่ค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลยและพยานโจทก์ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2529 เวลา13.30 นาฬิกา ถึงวันนัด ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลย เพราะไม่สามารถติดต่อกับจำเลยได้ไม่อาจรักษาประโยชน์ให้แก่จำเลยต่อไป และในคำร้องฉบับเดียวกันทนายจำเลยได้ขอเลื่อนการพิจารณาออกไปอีกสักนิด เพื่อจำเลยจะได้ติดต่อหาทนายใหญ่ต่อสู้คดีต่อไป ทนายโจทก์คัดค้านการขอเลื่อนการพิจารณา อ้างว่าจำเลยเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี แต่เห็นควรให้โอกาสแก่จำเลย หากฝ่ายจำเลยจะเสียค่าใช้จ่ายแก่โจทก์ 200 บาท ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยแถลงว่า ไม่มีเงินเสียค่าใช้จ่ายแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าเมื่อฝ่ายจำเลยไม่มีหรือไม่ยอมเสียค่าใช้จ่ายแก่โจทก์ประกอบกับพฤติการณ์ประวิงคดี จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และสั่งตัดพยานจำเลยให้โจทก์นำพยานเข้าสืบ แล้วมีคำพิพากษาในวันเดียวกันนั้นให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท และชำระค่าเช่าค้างชำระกับค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีชอบหรือไม่ คดีนี้ศาลชั้นต้นให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนมาครั้งหนึ่งแล้วด้วยเหตุจำเลยเดินทางไปทำธุรกิจต่างจังหวัด และคดีมีการตกลงกันได้ แต่ศาลชั้นต้นก็ได้สั่งกำชับว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น โดยนัดสืบพยานจำเลยและพยานโจทก์ในวันเดียวกันมีระยะเวลาห่างกันไปถึง 1 เดือน ครั้นถึงวันนัดหมายจำเลยได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยและขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาลชั้นต้น ทั้งไม่มีพยานจำเลยมาศาลเลย เห็นว่า ฝ่ายจำเลยมิได้ใส่ใจวันนัดและคำสั่งกำชับของศาลชั้นต้น ทั้งในคำร้องขอเลื่อนคดีและขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวจำเลยว่าไปที่จังหวัดใดด้วยธุรกิจอะไร และเหตุใดจึงมาศาลในวันนัดไม่ได้ ซึ่งในปัจจุบันการติดต่อส่งข่าวถึงกันทำได้โดยสะดวกและรวดเร็ว หากจำเลยมีธุรกิจในต่างจังหวัดแล้วเกิดขัดข้องเดินทางกลับไม่ทันก็ควรจะได้รีบส่งข่าวให้ทนายจำเลยหรือคนในบ้านของจำเลยเองทราบ และคดีนี้จำเลยให้การต่อสู้อ้างว่าได้ซื้อบ้านจากโจทก์และได้ชำระราคาค่าบ้านไปแล้วบางส่วนแต่ตามบัญชีระบุพยานจำเลยลงวันที่ 17 เมษายน 2529ไม่ปรากฏว่าระบุอ้างเอกสารเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหรือชำระราคาแต่ประการใด จากพฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเป็นการชอบแล้ว ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาที่ศาลชั้นต้นสั่งให้เสมียนทนายจำเลย (ผู้รับมอบฉันทะ) เสียค่าป่วยการ (ค่าใช้จ่าย)แก่โจทก์เป็นการชอบหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share