แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แร่ดีบุกของกลางไม่ปรากฏจำนวนตามบัญชีสต๊อก ไม่มีหลักฐานการซื้อมาในบัญชีซื้อแร่ ไม่มีเอกสารที่ผู้ขายมอบให้เพื่อแสดงว่าเป็นแร่ที่ผู้ขายมีอำนาจขายได้ตามที่กฎหมายบังคับ การซื้อแร่ของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 98พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 28 จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147
จำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองเกินสองกิโลกรัม จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2516 มาตรา 31 อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510มาตรา 148 ด้วย
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 31(6)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทสินแร่ภูเก็ต จำกัด ผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ตามใบอนุญาตที่ 2/2520 (ตรัง) โดยหนังสือมอบอำนาจสำนักงานทรัพยากรธรณีจังหวัดตรังที่ 3/2519 ให้จำเลยมีอำนาจซื้อแร่ ขายแร่ได้กระทำผิดกฎหมายหลายบทต่างกรรมกัน กล่าวคือ ระหว่าง วันที่ 1 ธันวาคม2520 ถึงวันที่ 8 เดือนเดียวกันเวลากลางวันและกลางคืนวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยซื้อแร่ดีบุกจำนวนรวมกัน 320 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 28,000 บาท จากผู้ขายแร่ โดยผู้ขายไม่ได้มอบเอกสารให้แก่จำเลยเพื่อแสดงว่าแร่ที่ขายนั้นเป็นแร่ที่ได้มาโดยประทานบัตรชนิดใด หรือเพื่อแสดงว่าแร่ที่ขายเป็นแร่ของผู้ขายที่เป็นผู้รับใบอนุญาตซื้อ” ซึ่งได้มาโดยใบอนุญาตเลขที่เท่าใด ทั้งไม่มีลายมือชื่อของผู้ถือประทานบัตรชนิดนั้น ๆ หรือของผู้รับใบอนุญาตซื้อแร่ หรือของตัวแทนซึ่งได้จดทะเบียนไว้กับรับซื้อแร่ดีบุกจากผู้ขายแร่ที่ผู้ขายไม่ได้แสดงใบอนุญาตร่อนแร่ เพื่อแสดงได้ว่าแร่ที่ขายเป็นแร่ที่ได้มาไม่เกินปริมาณตามใบอนุญาตร่อนแร่ และจำเลยยังได้ซื้อแร่ดีบุกบางส่วนหรือทั้งหมดจากผู้ทำเหมืองที่ขายโดยไม่มีใบสุทธิแร่ หรือไม่ตรงตามจำนวนในใบสุทธิแร่ แล้วจำเลยไม่ได้บันทึกรายการซื้อแร่กับไม่ได้ลงลายมือชื่อกำกับในใบสุทธิแร่และเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม2520 เวลากลางวัน จำเลยมีแร่ดีบุกจำนวน 320 กิโลกรัม โดยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ในความครอบครองโดยจำเลยไม่มีเหตุหรือข้อยกเว้นโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510มาตรา 98, 105, 147, 148, 154, 155 ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 มาตรา 98, 105, 147, 154, 155 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 28, 31, 39, 40 และพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 19, 30 ความผิดตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 มาตรา 98 และตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514มาตรา 19 เป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบทกำหนดโทษเท่ากันลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147 ปรับ 1,000 บาทกระทงหนึ่ง และลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105, 148อีกกระทงหนึ่งปรับ 2,000 บาท รวมปรับ 3,000 บาท ของกลางริบ จ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับและเงินรางวัลแก่ผู้จับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินสุทธิค่าของกลางที่สั่งริบ หากของกลางไม่อาจจำหน่ายได้ให้หักจ่ายจากเงินค่าปรับร้อยละห้าสิบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีแร่ดีบุกของกลางน้ำหนักประมาณ320 กิโลกรัม อีกจำนวนหนึ่ง นอกเหนือจากแร่ดีบุกจำนวนที่จำเลยซื้อมาโดยถูกต้อง และวินิจฉัยว่า แร่ดีบุกของกลางไม่ปรากฏจำนวนตามบัญชีสต๊อกไม่มีหลักฐานการซื้อมาในบัญชีซื้อแร่ ไม่มีเอกสารที่ผู้ขายมอบให้เพื่อแสดงว่าเป็นแร่ที่ผู้ขายมีอำนาจขายได้ตามที่กฎหมายบังคับการซื้อแร่ของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 98 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2516 มาตรา 28 จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510มาตรา 147 และโดยที่จำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองเกินสองกิโลกรัม จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 105 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 31 อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510มาตรา 148 ด้วย ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุกพ.ศ. 2514 มาตรา 19, 30 นั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏชัดว่าผู้ขายแร่ เป็นผู้ทำเหมืองจะปรับเป็นความผิดฐานนี้ยังไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานนี้ไม่ถูกต้อง
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีใบอนุญาตซื้อแร่และแร่ของกลางอยู่ในสถานที่ซื้อแร่จึงเข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105(6)จำเลยไม่ควรมีความผิดตามมาตรา 148 นั้น เห็นว่าตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 มาตรา 105(6) พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516มาตรา 31 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดมีแร่ไว้ในครอบครองแต่ละชนิดเกินสองกิโลกรัม เว้นแต่ ฯลฯ (6) ในสถานที่ซื้อแร่ตามใบอนุญาตซื้อแร่” การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่ กรณีของจำเลยหาต้องด้วยข้อยกเว้นไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 19, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์