แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้รับซื้อที่ดินไว้โดยซื่อแลทำถูกต้องตามกฎหมายได้ที่เปนกรรมสิทธิการวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา
ย่อยาว
ได้ความว่า ก.จำเลยขายที่ดินมีโฉนดแผนที่ให้แก่โจทก์ โดยหนังสือสัญญากันเองมอบโฉนดให้ยึดถือไว้ โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่ ก.เสร็จแล้ว ต่อมา ก.ขอโฉนดไปจากโจทก์ว่าจะเอาไปประกาศถอนชื่อ ท.มารดาออกแล้วจะโอนให้โจทก์ ๆ จึงให้โฉนดไป เมื่อ ก.ถอนชื่อ ท.แล้วกลับเอาไปโอนขายให้แก่ ช.ป.จำเลยโดยทำหนังสือต่อหอทะเบียนที่ดินดังนี้ มีปัญหาว่าผู้ใดจะได้ที่ดินรายนี้เปนกรรมสิทธิ
ศาลเดิมเห็นว่า สัญญาระวางโจทก์กับ ก.เปนสัญญาขายเด็ดขาด แต่มิได้ทำกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเปนโมฆะตามประมวลแพ่ง ม.๔๕๖ แลโจทก์ไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้ง ๓ ได้สมคบกันหลอกลวงโจทก์ประการใด สัญญาขายในระวาง ก.กับ ช.ป.จึงเปนอันชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกฟ้องโจทก์เสีย
ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตาม
โจทก์ฎีกาเปนปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า การวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาจากคำพะยานหลักฐานในสำนวน แลคดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ช.ป.ซื้อที่พิภาษไว้จาก ก.โดยสุจริต กรรมการเห็นว่าโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิในที่พิภาษมาก่อนที่ ก.โอนขายให้ ช.ป. เพราะที่รายนี้มีโฉนด การยกให้โดยไม่แก้ทะเบียนให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ไม่สมบุรณ์ตามประมวลแพ่ง ม.๕๒๕ คำพิพากษาฎีกาแลประมวลแพ่งทุก ๆ มาตราที่โจทก์อ้างขึ้นมาไม่ตรงต่อรูปคดี จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์