คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3253/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วิธีการที่โจทก์ขายน้ำมันซึ่งโจทก์ผลิตในราชอาณาจักรให้แก่เรือซึ่งเดินระหว่างประเทศผู้สั่งซื้อ โดยเมื่อเรือเดินระหว่างประเทศของผู้ซื้อเข้ามาในราชอาณาจักร โจทก์ก็บรรทุกน้ำมันลงเรือลำเลียงนำไปสูบขึ้นเรือนั้น โดยเติมลงในถังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงประจำเรือเพื่อใช้น้ำมันนั้นเป็นเชื้อเพลิงของเรือที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรเท่านั้น จึงหาใช่เป็นการขายและส่งมอบน้ำมันโดยวิธีบรรทุกลงในระวางเรือของผู้ซื้อ และนำน้ำมันทั้งหมดออกนอกประเทศไม่ หากแต่เป็นการขายภายในประเทศแม้เจ้าของเรือซึ่งเป็นผู้ซื้อและชำระราคาจะอยู่ในต่างประเทศก็ตามโจทก์มิได้รับยกเว้นไม่ต้องนำรายได้มาคำนวณภาษีการค้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบการอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โจทก์เช่าโรงกลั่นน้ำมันของกระทรวงกลาโหมมาดำเนินการกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่นและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ออกจำหน่ายทั้งภายในประเทศและส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๑๗ เจ้าพนักงานประเมินกองตรวจภาษีอากรของจำเลยประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าเพิ่มเติมพร้อมทั้งเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ ตามแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้าแบบ ภ.ค.(พ) ๘ หมายเลขที่ ต.๒ ๑๐๓๗/๓/๐๒๔๘๙, ๐๒๔๙๐, ๐๒๔๙๑,๐๒๔๙๒, ๐๒๔๙๓ และ ๐๒๔๙๔ รวม ๖ ฉบับ เป็นเงินภาษีทั้งสิ้น ๗,๔๙๕,๗๖๕ บาท ๑๔ สตางค์ โดยเหตุผลว่าโจทก์มีรายรับจากการจำหน่ายน้ำมันเตาน้ำมันดีเซล โดยวิธีเติมในเรือเดินระหว่างประเทศแต่ไม่ได้นำไปรวมคำนวณเป็นรายรับเพื่อเสียภาษีการค้าประจำเดือน เจ้าพนักงานประเมินจึงนำรายรับดังกล่าวเฉพาะที่ยื่นขาดมาประเมินเรียกเก็บภาษีการค้าพร้อมทั้งเบี้ยปรับหนึ่งเท่าและเงินเพิ่มอีกร้อยละหนึ่งต่อเดือนจนถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๙ โจทก์ได้อุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ โจทก์เห็นว่าคำสั่งแจ้งการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ถูกต้อง เพราะโจทก์ขายน้ำมันดังกล่าวให้แก่บริษัทผู้ซื้อในต่างประเทศ และส่งมอบโดยวิธีบรรทุกลงในระวางเรือของผู้ซื้อ และเรือนั้นก็เดินทางน้ำมันทั้งหมดออกไปนอกประเทศโจทก์ได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ ๕๔) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๕ (๘)(๙) ประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีการค้า (ฉบับที่ ๑๐) ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๑๗, (ฉบับที่ ๕) ลงวันที่ ๑๖พฤษภาคม ๒๕๑๑, (ฉบับที่ ๖) ลงวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๓ กับได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรขาออกและได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิตอีกด้วยขอให้พิพากษาเพิกถอนการประเมินตามแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้าทั้ง ๖ ฉบับท้ายฟ้อง และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เลขที่ ๕/๒๕๒๑ นั้นเสีย
จำเลยให้การว่า โจทก์มีรายรับจากการจำหน่ายน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลให้แก่เรือเดินทะเลระหว่างประเทศที่มีขนาดเกินกว่า ๕๐๐ ตันกรอสส์ขึ้นไป โดยวิธีสูบน้ำมันขึ้นจากเรือลำเลียงของโจทก์ เติมลงในเรือของผู้ซื้อซึ่งเดินระหว่างประเทศเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองภายในเรือในระหว่างเดินทาง นำเก็บไว้ในถังน้ำมันเชื้อเพลิงประจำเรือ การจำหน่ายเช่นนี้เรียกว่าบังเกอริง เป็นการจำหน่ายน้ำมันภายในประเทศ ไม่ใช่การส่งออกนอกราชอาณาจักร การเติมน้ำมันลงในถังเชื้อเพลิงประจำเรือเพื่อให้ผู้ซื้อใช้เป็นเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองในเรือระหว่างเดินทางไปต่างประเทศนั้น มิใช่เป็นการบรรทุกน้ำมันลงในระวางเรือเพื่อส่งออกนอกประเทศ ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องนำรายรับจากการจำหน่ายโดยวิธีการดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้าประจำเดือนด้วย เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ไปโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า(ฉบับที่ ๕๔) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๕(๘) และโจทก์ไม่ได้รับยกเว้นภาษีการค้าตามประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีการค้า (ฉบับที่ ๑๐), (ฉบับที่ ๕)และ(ฉบับที่ ๖) ซึ่งได้ถูกยกเลิกไปแล้ว โจทก์ต้องมีหน้าที่เสียภาษีการค้าตามที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินไว้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยุติตามที่โจทก์นำสืบและจำเลยแถลงรับว่า โจทก์ขายน้ำมันซึ่งโจทก์ผลิตในราชอาณาจักรให้แก่เรือซึ่งเดินระหว่างประเทศ โดยเจ้าของเรือจะสั่งซื้อน้ำมันทางโทรพิมพ์โดยแจ้งชนิด จำนวนน้ำมัน และชื่อเรือ ที่จะเติมน้ำมันมา ครั้นเรือเข้ามาในประเทศ โจทก์จึงบรรทุกน้ำมันลงเรือลำเลียงและนำไปสูบขึ้นเรือเดินระหว่างประเทศนั้น โดยเติมลงในถังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงประจำเรือไม่ใช่ใส่ลงไปในระวางเรือ และโจทก์ขออนุญาตจากกรมศุลกากรก่อนซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะบันทึกไว้ด้านหลังใบอนุญาต จดแจ้งและปริมาณน้ำมันที่เติมให้แก่เรือลำใด ได้ปล่อยไปต่างประเทศแล้วเมื่อวันเวลาใด การจำหน่ายวิธีนี้เรียกว่าบังเกอริ่ง (BUNKERING)ซึ่งโจทก์ให้กัปตันหรือต้นหนเรือ ลงชื่อไว้ในใบส่งสินค้าและนำไปออกใบกำกับสินค้าส่งไปเรียกเก็บเงินยังบริษัทเดินเรือในต่างประเทศและโจทก์รับว่าน้ำมันรายพิพาทซึ่งโจทก์ได้เติมลงเรือสินค้าไปนั้นเป็นน้ำมันซึ่งใช้เป็นเชื้อเพลิงของเรือดังกล่าว และจำนวนเงินที่จำเลยได้ประเมินเรียกเก็บภาษีการค้ามานั้นเป็นจำนวนที่ถูกต้องแล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า วิธีการขายของโจทก์ดังกล่าว หาใช่เป็นการขายและส่งมอบน้ำมันพิพาทโดยวิธีบรรทุกลงในระวางเรือของผู้ซื้อ และน้ำมันทั้งหมดออกนอกประเทศไม่ หากแต่เป็นการขายภายในประเทศโดยเติมน้ำมันลงถังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงของเรือสินค้า เพื่อใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงของเรือที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรเท่านั้น แม้เจ้าของเรือซึ่งเป็นผู้ซื้อและชำระราคาจะอยู่ในต่างประเทศก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่สมฟ้องโจทก์ว่าเป็นการขายและส่งออกนอกราชอาณาจักร หรืออีกนัยหนึ่งข้อที่ยกเป็นเหตุอ้างว่าได้รับยกเว้นภาษีการค้า และอ้างเป็นเหตุว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ชอบตามฟ้องรับฟังไม่ได้เสียแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้ออื่นต่อไป
พิพากษายืน

Share