แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีแพ่งความเป็นไปโดยลักษณะความแพ่ง กล่าวคือเทียบเคียงน้ำหนักคำพยานประกอบด้วยพฤติการณ์แห่งคดีว่าจะควรเชื่อฟังเป็นความจริงตามโจทก์ฟ้องได้เพียงใด จะถือเอาเพียงข้อแตกต่างแห่งคำพยานโจทก์บางคนที่เบิกความไม่ตรงกันมาเป็นเหตุยกฟ้องนั้นไม่ชอบ
บุตรได้ค่ามาตราว่า อีดอกทอง อีแก่เจ้าเล่ห์ เป็นคนร้อยลิ้นไม่นับถือเป็นแม่ ถือว่าเป็นถ้อยคำด่าหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณต่อมารดาผู้ให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) แล้ว มารดาเรียกทรัพย์ที่ให้บุตรโดยเสน่หาคืนได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดิน ๓ แปลง ถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยผู้รับประพฤติเนรคุณ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณืพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ยกข้อแตกต่างของคำพยานโจทก์มาเป็นเหตุไม่เชื่อคำพยานโจทก์ ศาลฎีกากล่าวว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่ง มิใช่คดีอาญาการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีจึงควรเป็นไปโดยลักษณะความแพ่ง กล่าวคือ เทียบเคียงน้ำหนักพยานประกอบด้วยพฤติการณ์แห่งคดีว่าจะควร เชื่อฟังเป็นความจริงตามโจทก์ฟ้องได้เพียงใด จะถือเอาเพียงข้อแตกต่างแห่งคำพยานโจทก์บางคนที่เบิกความไม่ตรงกันมาเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย เพราะประเด็นในคดีมีเพียงว่า จำเลยได้ด่าหมิ่นประมาทโจทก์เป็นการประพฤติเนรคุณจริงหรือไม่
ศาลฎีกาเชื่อพยานโจทก์ว่า จำเลยได้ค่าโจทก์ผู้เป็นมารดาด้วยถ้อยคำเช่นอีดอกทอง อีแก่เจ้าเล่ห์ เป็นคนร้อยลิ้นไม่นับถือเป็นแม่ เป็นต้น ตรงกับที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องแล้ว ถือว่าเป็นถ้อยคำที่จำเลยด่าหมิ่นประมาทโจทก์มารดาอย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ผู้ให้แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๓๑ (๒) โจทก์เรียกทรัพย์ที่ให้จำเลยโดยเสน่หาคืนได้
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินเพิกถอนคืนการให้ ๓ แปลง แต่ปรากฎว่าแปลงหนึ่งโจทก์ขายให้จำเลย จึงเรียกคืนไม่ได้ คงเรียกคืนได้เฉพาะ ๒ แปลงที่โจทก์ให้จำเลยโดยเสน่หา
ศาลฎีกาพิพากษาแก้ โดยให้เพิกถอนการให้ที่ดิน ๒ แปลงในส่วนที่โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยโดยเสน่หาคืนให้โจทก์ไป