แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุ ก. และบุตรกับจำเลยทั้งสองทะเลาะวิวาทและชกต่อยทำร้ายร่างกายกันอันเป็นการสมัครใจวิวาท แล้ว ก.ใช้ปืนไล่ยิงจำเลยที่ 1 แต่ไม่ถูก ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกลับบ้านเอาปืนไปยิงเข้าไปในร้านของก. ถูก ว. ได้รับบาดเจ็บ จำเลยทั้งสองจะอ้างว่าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงกระทำไปโดยบันดาลโทสะหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายกิมเซี้ยและนางวัฒนา คนละหลายนัดโดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนางวัฒนา ที่ขาซ้ายซึ่งไม่ใช่อวัยวะสำคัญ ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยทั้งสอง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 288, 80, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 ให้การรับว่า กระทำไปเพราะบันดาลโทสะ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้องวางโทษจำคุกรวม 11 ปี 2 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 2 โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2มีความผิดตามฟ้องด้วย แต่วางโทษจำคุกรวม 11 ปี จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย ข้อหามีอาวุธปืนว่า ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงส่วนข้อหาพยายามฆ่า ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิด ยืนตามศาลอุทธรณ์ สำหรับประเด็นเรื่องบันดาลโทสะ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า”มีปัญหาวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่าก่อนเกิดเหตุนายกิมเซี้ยและบุตรกับจำเลยทั้งสองได้ทะเลาะวิวาทและชกต่อยทำร้ายร่างกายกันเป็นการสมัครใจวิวาท ส่วนที่ต่อสู้ว่านายกิมเซี้ยได้ใช้ปืนยิงจำเลย ไม่ว่าจะฟังได้หรือไม่ก็ตามก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน เช่นนี้ จำเลยทั้งสองจะอ้างว่าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงกระทำไปโดยบันดาลโทสะหาได้ไม่ ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น แต่เห็นว่าจำเลยที่ 2 ให้การต่อพนักงานสอบสวนและเบิกความต่อศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 2 ด้วย”
พิพากษาแก้ ลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 7 ปี 4 เดือน