แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีอาญานั้น ศาลจะต้องพิจารณาอัตราโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายสำหรับข้อหาแต่ละกระทงความผิดตามฟ้องว่าต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ไม่ใช่ความผิดที่พิจารณาได้ความข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมตามฟ้อง มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาทคดีโจทก์ในข้อหาดังกล่าวจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันปลอมหนังสือมอบอำนาจและหนังสือให้ความยินยอมว่าโจทก์ได้มอบอำนาจและยินยอมให้นางยอด ทองศรี ภริยาของโจทก์ขายที่ดินของโจทก์ให้แก่จำเลยและโจทก์ได้รับเงินไปเรียบร้อยแล้ว ต่อมาจำเลยกับพวกโดยทุจริตได้นำหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นเอกสารสิทธิปลอมและหนังสือให้ความยินยอมของโจทก์ซึ่งเป็นเอกสารปลอมไปแจ้งและแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงจึงได้จดข้อความอันเป็นเท็จที่จำเลยกับพวกได้แจ้งลงในท้ายหนังสือมอบอำนาจ และบันทึกถ้อยคำรับรองหนังสือมอบอำนาจและบันทึกถ้อยคำซึ่งเป็นเอกสารราชการอันมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินและได้รับจดทะเบียนการขายที่ดินให้แก่จำเลยไป การกระทำของจำเลยน่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ เจ้าพนักงานที่ดินและประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 267, 268, 90, 91 และ 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าหนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารธรรมดาไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) ข้อหาตามฟ้องจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268 ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปลอมและใช้หนังสือมอบอำนาจและหนังสือให้ความยินยอมทำนิติกรรมอันเป็นการปลอมเอกสารสิทธิและเอกสารธรรมดา แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 267,268, 83, 90, 91 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์โจทก์เฉพาะข้อหาปลอมและใช้หนังสือมอบอำนาจปลอม ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิปลอมเห็นว่า การอุทธรณ์คดีอาญาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ศาลจะต้องพิจารณาอัตราโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย สำหรับข้อหาแต่ละกระทงความผิดตามฟ้องว่า ต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ไม่ใช่ตามความผิดที่พิจารณาได้ความสำหรับข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมตามฟ้องมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงห้าปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท คดีโจทก์ในข้อหาดังกล่าวจึงไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี