คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งใด ๆ ของศาลเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณา ศาลอาจเปลี่ยนแปลงได้
ผู้ร้องขออายัดเงินไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาในคดีเรื่องหนึ่งที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ การอายัดชั่วคราวนี้ไม่ห้ามโจทก์ในคดีอีกเรื่องหนึ่งที่จะอายัดทรัพย์ของจำเลยนั้นเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาได้ เมื่อได้ส่งเงินตามที่อายัดมายังเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้ว การอายัดเสร็จสิ้น การอายัดชั่วคราวของผู้ร้องสิ้นผล ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในภายหลังไม่มีสิทธิโต้แย้งได้
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นซึ่งยังไม่ถึงที่สุดไม่มีสิทธิร้องขอให้งดการบังคับคดีนี้

ย่อยาว

คดีหมายเลขสำนวนทั้งสามนี้เกี่ยวพันกัน เพื่อสะดวกแก่การพิจารณาศาลฎีกาจึงรวมพิจารณาด้วยกัน

กรณีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างตามสัญญาจ้างทำของ ชำระหนี้เงินยืมและชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงิน 2,450,000 บาทแก่โจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอบังคับคดี ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการยึดทรัพย์สินของจำเลย ต่อมากองยึดอายัดและจำหน่ายทรัพย์สิน กรมบังคับคดีมีหนังสือถึงศาลชั้นต้นว่า จำเลยจะได้รับค่าจ้างขุดดินอ่อนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ในเขตศาลจังหวัดนนทบุรีประมาณ 1,214,835 บาท 09 สตางค์ ขอให้แจ้งศาลจังหวัดนนทบุรีสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินดังกล่าวให้ด้วย ศาลชั้นต้นจึงมีหนังสือขอให้ศาลจังหวัดนนทบุรีสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามขอ ครั้นวันที่ 23 มีนาคม 2521 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือหารือมาที่ศาลชั้นต้นว่า เงินค่าจ้างที่จำเลยจะพึงได้รับนี้ถูกอายัดไว้แล้วตามหมายอายัดชั่วคราวในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2341/2520 ของศาลชั้นต้น จะให้ดำเนินการอย่างไร ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแจ้งไปว่าให้ส่งเงินที่ถูกอายัดในคดีนี้ไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดนนทบุรี ต่อมาวันที่ 23 พฤษภาคม2521 กองยึดอายัดและจำหน่ายทรัพย์สิน กรมบังคับคดี ได้แจ้งมาให้ศาลชั้นต้นทราบว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ส่งเงินของจำเลยที่อายัดไว้มาให้กองยึดอายัดและจำหน่ายทรัพย์สินเรียบร้อยแล้วเป็นเงิน 1,172,315 บาท77 สตางค์

วันที่ 6 มิถุนายน 2521 ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าผู้ร้องได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยกับพวกเป็นจำเลย เรื่องตั๋วเงินตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2341/2520 ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่26 เดือนเดียวกัน การที่โจทก์จำเลยในคดีนี้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเป็นการสมคบกระทำกลฉ้อฉลทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบ ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์จำเลยคดีนี้เป็นจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีนี้ ตามคดีแพ่งของศาลชั้นต้นหมายเลขดำที่ 6049/2521 จึงขอให้งดหรือรอการบังคับคดีไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลคดีดังกล่าวต่อไป

โจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธิห้ามโจทก์อายัดเงินซ้ำและไม่มีสิทธิให้งดการบังคับคดี ผู้ร้องชอบที่จะดำเนินการในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องจำเลย มิใช่มาร้องในคดีนี้ แต่ถ้าศาลเห็นมีเหตุจะต้องไต่สวนหรือรอฟังผลคดีแพ่งของศาลชั้นต้นหมายเลขดำที่ 6049/2521 ก็ขอให้มีคำสั่งจ่ายเงินที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยส่งมาให้โจทก์ก่อน หากจะให้โจทก์หาประกันหรือหลักประกันมาวางศาลเป็นการชั่วคราว โจทก์ก็ยินยอม

วันที่ 26 มิถุนายน 2521 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นกรณีชอบที่จะไต่สวนว่า มีความจริงดังที่ผู้ร้องอ้างหรือไม่ มีคำสั่งให้งดจ่ายเงินที่อายัดไว้ก่อน รอฟังผลของการไต่สวน และให้นัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องกับมีคำสั่งอีกฉบับหนึ่งในวันเดียวกันว่า สำหรับคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2521 ขอรับเงินไปก่อน โดยโจทก์จะหาประกันหรือหลักประกันมาวางศาลชั้นต้น ให้โจทก์หาประกันหรือหลักประกันมาวางศาลภายใน 15 วัน

ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นฉบับหลังว่า ไม่ชอบเพราะหากจ่ายเงินให้โจทก์ไปแล้วจะไม่อาจติดตามเอาคืนได้ และขัดกับคำสั่งฉบับแรกที่ให้รอการไต่สวนไว้ก่อน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาชั้นบังคับคดี ไม่รับอุทธรณ์ ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์

ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นขอนำที่ดินตามโฉนดที่ดินเสนอเป็นหลักประกัน ผู้ร้องคัดค้านราคาประเมิน โจทก์จึงยื่นคำร้องว่า เพื่อยุติปัญหาโจทก์ขอเสนอหนังสือค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์เพื่อค้ำประกันแทน ผู้ร้องคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 10 ตุลาคม 2521 ว่า เมื่อธนาคารค้ำประกันในวงเงินที่โจทก์รับไปแล้ว หากภายหลังผู้ร้องชนะคดีก็มีทางได้เงินจากธนาคารที่ค้ำประกันจึงอนุญาตให้โจทก์รับเงินไป เมื่อได้นำธนาคารมาค้ำประกันแล้วให้งดไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นลงวันที่ 10 ตุลาคม 2521 ว่าคำสั่งศาลชั้นต้นมิได้ระบุกำหนดให้ธนาคารค้ำประกันจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย และที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งโดยไม่รอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

โจทก์เสนอหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาภูเก็ตต่อศาลชั้นต้น พร้อมด้วยหนังสือมอบอำนาจของธนาคารกรุงเทพ จำกัดมอบอำนาจให้นายกาญจน์ กาญจนโภคิน ลงชื่อในหนังสือค้ำประกันแทนได้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2521 ว่า อนุญาตให้โจทก์รับเงินไปโดยให้นำธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาภูเก็ต ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากสำนักงานใหญ่มาทำสัญญาไว้ในคดีนี้ ให้สัญญาค้ำประกันสิ้นสุดลงเมื่อพ้นกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6049/2521 ของศาลชั้นต้น ระหว่าง นายชาญหรือธง นิวาตวงศ์ โจทก์ นายถนอม โภคบุตรกับพวก จำเลย ถึงที่สุด

ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นว่า ธนาคารค้ำประกันในคดีนี้ แต่ให้สัญญาค้ำประกันถึงที่สุดในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6049/2521 จะเป็นเหตุให้ผู้ร้องบังคับคดีเอาจากหลักประกันไม่ได้ และคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2341/2520 หมายเลขแดงที่ 5972/2521 ของศาลชั้นต้น ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์ได้ขออายัดเงินจำนวนนี้ไว้ชั่วคราวแล้ว ผู้ร้องชนะคดี จำเลยได้อุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับคดี ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยนำหลักทรัพย์มาวาง จำเลยไม่ปฏิบัติตาม จนศาลไม่ให้ทุเลาการบังคับไปแล้ว ผู้ร้องขอหมายบังคับคดีอยู่ระหว่างเจ้าพนักงานปิดคำบังคับใหม่ ถือได้ว่าการบังคับคดีมีผลแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอรับเงินที่ผู้ร้องขออายัดชั่วคราวไว้ไป ทั้งศาลชั้นต้นควรรอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ผู้ร้องใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์สำนวนละ 200 บาทแทนโจทก์

ผู้ร้องทั้งสามสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ตามฎีกาของผู้ร้องพอสรุปได้ดังนี้

1. ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์รับเงินไปโดยให้ธนาคารมาทำสัญญาค้ำประกันไว้ในคดีนี้ และให้สัญญาค้ำประกันสิ้นสุดลงเมื่อพ้นกำหนด3 เดือน นับแต่วันที่คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6049/2521 ซึ่งผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้กับพวกเป็นจำเลย ถึงที่สุดไม่ถูกต้อง เพราะผู้ร้องได้ขออายัดเงินจำนวนดังกล่าวไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2341/02520 หมายเลขแดงที่ 597/2521 ซึ่งผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยนี้เป็นจำเลย โจทก์จะต้องค้ำประกันจนกว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5971/2521จะถึงที่สุด

2. ตามคำสั่งศาลชั้นต้นฉบับแรก สั่งให้งดจ่ายเงินที่ผู้ร้องอายัดไว้เพื่อรอฟังผลการไต่สวน แต่ฉบับหลังกลับสั่งให้โจทก์รับเงินไปได้โดยให้โจทก์หาประกันและหลักประกันมาวางศาลภายใน 15 วัน เป็นการไม่ชอบ เพราะยังไม่มีการไต่สวนคำร้อง

3. ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 10 ตุลาคม2521 โจทก์ขอรับเงิน โดยจะขอให้ธนาคารค้ำประกันในวงเงินที่โจทก์ขอรับไปผู้ร้องคัดค้านว่า คดียังมีอุทธรณ์อยู่ ไม่ควรอนุญาตแม้จะมีธนาคารค้ำประกันทั้งผู้ร้องยังได้ฟ้องโจทก์กับพวกเป็นจำเลย ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีนี้ การที่ศาลสั่งให้โจทก์รับเงินไปโดยมีธนาคารค้ำประกัน จึงเป็นการไม่ชอบ เพราะผู้ร้องจะได้รับความเสียหายเมื่อชนะคดีในภายหลัง

ปัญหาตามฎีกาข้อแรก ที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องเป็นผู้อายัดเงินจำนวนดังกล่าวไว้ชั่วคราวในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2341/2520 หมายเลขแดงที่5972/2521 ซึ่งผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยนี้เป็นจำเลย ดังนั้นโจทก์จะต้องค้ำประกันในคดีดังกล่าวนี้จึงจะถูกต้องนั้น เห็นว่า แม้ผู้ร้องจะได้ขออายัดเงินจำนวนนี้ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โจทก์ในคดีนี้ก็ไม่ต้องห้ามที่จะอายัดทรัพย์ของจำเลยในคดีนี้แต่อย่างใด ได้ความว่าโจทก์คดีนี้ได้ขอหมายบังคับคดีและศาลได้ออกหมายบังคับคดี ตั้งให้เจ้าพนักงานกรมบังคับคดียึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลย ผู้อำนวยการกองยึดอายัดและจำหน่ายทรัพย์สินได้มีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงศาลจังหวัดนนทบุรี ขอให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินจำนวนนี้จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดนนทบุรีได้อายัดเงินจำนวนนี้ไว้แล้ว ต่อมากองยึดอายัดและจำหน่ายทรัพย์สินกรมบังคับคดีได้แจ้งมาให้ศาลชั้นต้นทราบว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ส่งเงินของจำเลยที่อายัดไว้มาให้เรียบร้อยแล้ว กรณีเช่นที่กล่าวถือได้ว่าเป็นการอายัดเงินของจำเลยในคดีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ส่วนการอายัดชั่วคราวก่อนคำพิพากษาตามคำขอของผู้ร้องย่อมสิ้นผลไป ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในภายหลัง ไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งโจทก์คดีนี้ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิในเงินของจำเลยที่อายัดไว้ในคดีนี้ จึงไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่โจทก์จะต้องทำหนังสือค้ำประกันในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2341/2520หมายเลขแดงที่ 5972/2521 ดังที่ผู้ร้องฎีกา

สำหรับฎีกาข้อต่อมาเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งใด ๆ เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล ย่อมอยู่ในดุลพินิจภายในขอบเขตของกฎหมาย แม้ศาลจะมีคำสั่งไปประการใดแล้ว ก็อาจสั่งเปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือมีคำสั่งใหม่ได้ตามที่ศาลเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมสำหรับคดีนี้เมื่อศาลมีคำสั่งครั้งแรกให้งดจ่ายเงินที่ผู้ร้องอายัดไว้ เพื่อรอฟังผลการไต่สวน แต่โจทก์เห็นว่าคำร้องของผู้ร้องเป็นการประวิงการจ่ายเงินทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรับเงิน โดยโจทก์จะหาประกันหรือหลักประกันมาวางศาล เมื่อศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นสมควร ย่อมมีอำนาจทำคำสั่งเปลี่ยนแปลงใหม่ได้ โดยไม่จำต้องไต่สวน

ส่วนฎีกาข้อสุดท้าย เห็นว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นและคดียังไม่ถึงที่สุด ไม่มีสิทธิที่จะมาร้องขอให้งดการบังคับคดีนี้ได้ที่ผู้ร้องฎีกาว่าเมื่อผู้ร้องชนะคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้กับพวกเป็นจำเลย ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีนี้ ผู้ร้องจะไม่สามารถบังคับเอาเงินจำนวนนี้คืนจากโจทก์ได้นั้น ก็ปรากฏว่าโจทก์ในคดีนี้ได้นำธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาภูเก็ต มาทำสัญญาค้ำประกันไว้ในคดีนี้แล้ว หากผู้ร้องชนะคดีในที่สุด ผู้ร้องก็มีสิทธิขอให้ธนาคารดังกล่าวจ่ายเงินตามที่ทำสัญญาค้ำประกันไว้ได้ทันที ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดคดีมานั้นชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องทั้งสามสำนวนล้วนฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ให้ผู้ร้องใช้ค่าทนายความในชั้นศาลฎีกาสำนวนละ200 บาท แทนโจทก์

Share