แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด และให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วน จำกัด และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการชดใช้เงินทดรองซึ่งโจทก์ในฐานะหุ้นส่วนผู้+ ได้ออกทดรองไปคืนแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การปัดความรับผิดด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ไม่ได้ให้การว่าการที่โจทก์ออกเงินทดรองไปเป็นการเอื้อมเข้าไปจัดการงานของห้างโดยพลการซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยื มาตรา 1043 ให้บังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยจัด+นอกสั่ง และศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีแล้ว จำเลยฎีกาว่าการทำของโจทก์เป็นการที่หุ้นส่วนอันมิ+ผู้จัดการเอื้อมเข้าไปจัดการงานของห้างโดยพลการ ซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยการจัดการงานนอกสั่ง ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าข้อฎีกาของจำเลยดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ – มาตรา 225,249 จะยกขึ้นกล่าวในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้หนึ่งในห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ ๑ มีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์ได้จ่ายเงินทดรองในการดำเนินกิจการของห้างไป ๓๙,๐๐๐ บาท แต่ห้างดำเนินการค้าขายขาดทุน ต้องหยุดกิจการ และจำเลยที่ ๒ +ขายกิจการไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ขอให้เลิกห้าง ตั้งผู้ชำระบัญชี และขดใช้เงินทดรองแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่เคยจ่ายเงินทดรองแก่ห้างจำเลยที่๑ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์เองเป็นผู้ขัดขวางการเลิกห้างและการชำระบัญชี ขอให้ยก+โจทก์
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็น แล้วพิจารณาพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรเกษม จำเลยที่ ๑ ตั้งเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชี และให้จำเลยทั้งสองให้เงิน ๒๙,๖๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ ค. นอกนั้นไม่รับ จำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาว่การกระทำของโจทก์ในการเข้าไปดำเนินกิจการภัตตาคารจำเลยที่ ๑ เป็นการที่โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนอันมิได้เป็นผู้จัดการเอื้อมเข้าไปจัดการงานของห้างหุ้นส่วนโดยพลการ ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๔๓ บัญญัติให้บังคับตามประมวลกฎหมายดังกล่าวว่าด้วยการจัดการนอกสั่ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕,๒๔๙ เพราะจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การและศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ จำเลยทั้งสองจึงยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง คืนค่าธรรมเนียมฎีกาแก่จำเลยทั้งสอง ค่าทนายความชั้นฎีกาเป็นพับ