แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประเด็นสำคัญในคดีล้มละลายมีอยู่ว่า จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอให้ล้มละลายเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวซึ่งมีกำหนดจำนวนหนี้สินแน่นอนเกินกว่าพันบาทหรือไม่ (หลังจากใช้พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2501 แล้ว จำนวนหนี้สินต้องไม่น้อยกว่าสามหมื่นบาท) เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยยังไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว การที่จำเลยจะเป็นหนี้โจทก์จริงหรือไม่ จึงไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องชี้ขาดในชั้นนี้ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคำพิพากษาที่ยกฟ้องเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ตามเอกสารที่โจทก์อ้างฟ้อง จำเลยได้ยืมเงินไปจากโจทก์ แต่การยืมตามเอกสารบางฉบับ เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จำเลยไม่ได้รับสภาพหนี้จึงขาดอายุความ ส่วนหนี้ที่ไม่ขาดอายุความนั้น ไม่จำเป็นต้องชี้ขาดว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เท่าใดแน่นอน เพราะจำเลยนำสืบได้ว่าจำเลยมีทรัพย์สินอาจชำระหนี้โจทก์ได้ทั้งหมด ไม่มีเหตุอันควรให้จำเลยล้มละลาย แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่คำวินิจฉัยที่ว่า จำเลยยืมเงินไปจากโจทก์และหนี้ตามเอกสารบางฉบับยังไม่ขาดอายุความ อาจมีผลผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดในทางแพ่ง จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาคัดค้านได้
(ข้อกฎหมายวรรคท้ายนี้ สรุปจำนวนผลที่ศาลฎีการับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ยืมเงินโจทก์รวม ๖๕,๙๒๖.๑๐ บาท โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด แล้วพิพากษาให้ล้มละลาย
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ ถึงหากเป็นหนี้ จำเลยก็มีทรัพย์สินอาจชำระให้ได้ทั้งหมด
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยมิได้เป็นหนี้โจทก์ และจำเลยมีหลักฐานมั่นคง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามเอกสารที่โจทก์อ้างฟ้อง จำเลยได้ยืมเงินไปจากโจทก์ แต่การยืมตามเอกสารบางฉบับเป็นเวลากว่า ๑๐ ปีแล้ว จำเลยไม่ได้รับสภาพหนี้ จึงขาดอายคุวาม ส่วนหนี้ยังไม่ขาดอายุความนั้น ไม่จำเป็นต้องชี้ขาดว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เท่าใดแน่นอน เพราะจำเลยนำสืบได้ว่าจำเลยมีทรัพย์สินอาจชำระหนี้โจทก์ทั้งหมดได้ จึงไม่มีเหตุอันควรให้จำเลยล้มละลายพิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ชี้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์นั้นไม่ถูกต้อง ทำให้จำเลยต้องถูกผูกพันที่จะต้องฟ้องในคดีแพ่งได้ ขอให้พิพากษาแก้ว่าไม่จำต้องวินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์หรือไม่ หรือมิฉะนั้นก็ขอให้ชี้ขาดว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นสำคัญแห่งคดีนี้มีอยู่ว่า จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอให้ล้มละลายเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวซึ่งมีกำหนดจำนวนหนี้สินแน่นอนเกินกว่าพันบาทหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้อ้างว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เป็นจำนวนหกหมื่นบาทเศษ แต่จำเลยนำสืบฟังได้ว่าจำเลยมีหลักทรัพย์มีราคากว่าหนึ่งล้านบาทเศษ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยยังไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ดังนั้น การที่จำเลยได้เป็นหนี้โจทก์จริงหรือไม่ จึงไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องชี้ขาดในชั้นนี้ ทั้งศาลอุทธรณ์ก็มิได้ชี้ขาดว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่แน่นอนเท่าใด การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ดังที่จำเลยฎีกามานั้น ก็ทำให้ผลแพ่งคำพิพากษาคดีนี้เปลี่ยนแปลงไปแต่ประการใดไม่
พิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์