คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3221/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การ และจำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องแย้งโดยขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา เมื่อถึงวันนัดไต่สวน ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวน กับมีคำสั่งยกคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ดังนี้คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองเลื่อนคดีเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งในระหว่างพิจารณาหากจำเลยทั้งสองไม่เห็นด้วย และประสงค์จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในภายหลัง จำเลยทั้งสองจะต้องโต้แย้งคำสั่งไว้ จึงจะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ตามความใน พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มาตรา 45 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 226 (2) คดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2546 ว่าไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองเลื่อนการไต่สวน และนัดฟังคำสั่งสำหรับคำร้องของโจทก์ในวันที่ 26 สิงหาคม 2546 โดยผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยทั้งสองได้ลงลายมือชื่อทราบคำสั่งในวันนั้นแล้ว ดังนั้น ในช่วงเวลาก่อนที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะอ่านคำสั่ง จำเลยทั้งสองย่อมมีเวลาเพียงพอที่จะโต้แย้งคัดค้านไว้ แต่ก็หาได้มีการโต้แย้งคัดค้านไม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีพยานมาไต่สวน เท่ากับได้วินิจฉัยเนื้อหาแห่งคำร้องของจำเลยที่ 1 แล้วว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่คนอนาถา ซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่มีคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคห้า คดีนี้แม้จำเลยที่ 1 ได้อุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดแล้ว แต่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์เฉพาะประเด็นที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีแต่เพียงประเด็นเดียว โดยมิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนอนาถา คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงเป็นอันยุติ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวาร ออกจากสถานีบริการน้ำมันและร้านค้าและส่งมอบทรัพย์สินคืนโจทก์ โดยโจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การ และจำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องแย้งโดยขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์และของจำเลยที่ 1 ในวันเดียวกัน คือวันที่ 22 สิงหาคม 2546 เมื่อถึงวันนัด ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวน กับมีคำสั่งยกคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 ประสงค์จะฟ้องแย้ง ให้นำค่าขึ้นศาลมาวางภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าไม่ติดใจฟ้องแย้ง และต่อมามีคำสั่งอนุญาตให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำร้องของโจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2546 โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่ง สำเนาให้จำเลยทั้งสอง และนัดไต่สวนวันที่ 22 สิงหาคม 2546 หมายแจ้งวันนัดให้จำเลยทั้งสองทราบ ซึ่งผลการส่งหมายดังกล่าวปรากฏว่า ส่งหมายให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้โดยวิธีปิดหมาย เมื่อวันที่ 2 และ 3 สิงหาคม 2546 ตามลำดับ จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2546 และจำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งโดยขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในวันเดียวกับวันนัดไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาของโจทก์ โดยศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2546 และทนายจำเลยทั้งสองลงชื่อทราบนัดฟังคำสั่งวันที่ 30 กรกฎาคม 2546 ต่อมาวันที่ 22 สิงหาคม 2546 อันเป็นวันนัดพิจารณา ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าติดว่าความที่ศาลจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองเลื่อนคดีกับมีคำสั่งอนุญาตให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำร้องของโจทก์ และมีคำสั่งยกคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 นั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า ในประเด็นเกี่ยวกับคำสั่งอนุญาตให้คุ้มครองชั่วครองก่อนพิพากษาตามคำร้องของโจทก์นั้น คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองเลื่อนคดีนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา หากจำเลยทั้งสองไม่เห็นด้วย และประสงค์จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในภายหลัง จำเลยทั้งสองจะต้องโต้แย้งคำสั่งไว้ จึงจะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีตามความในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2) คดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองเลื่อนคดี และให้ไต่สวนพยานโจทก์เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2546 และนัดฟังคำสั่งห้ามคำร้องของโจทก์ในวันที่ 26 สิงหาคม 2546 โดยผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยทั้งสองได้ลงลายมือชื่อทราบคำสั่งในวันนี้แล้ว ดังนั้นในช่วงเวลาก่อนที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะอ่านคำสั่ง จำเลยทั้งสองย่อมมีเวลาเพียงพอที่จะโต้แย้งคัดค้านได้แต่ก็หาได้มีการโต้แย้งคัดค้านไม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ แม้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะสั่งอุทธรณ์ในข้อนี้ของจำเลยทั้งสองขึ้นมาด้วย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศก็ไม่รับวินิจฉัยให้…
สำหรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ในส่วนที่เกี่ยวกับคำสั่งยกคำร้องขอฟ้องแย้งอย่างคนอนาถานั้น มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีและมีคำสั่งยกคำร้องในวันเดียวกัน โดยถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ติดใจดำเนินคดีอย่างคนอนาถาให้ยกคำร้องนั้นไม่ชอบ เพราะในวันนัดไต่สวน จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยที่ 1 ติดว่าความที่ศาลจังหวัดภูเภ็ตซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาที่จะไม่มาศาล ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางทำการไต่สวนก่อนมีคำสั่งเรื่องขอดำเนินคดีอย่างคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ต่อไปนั้น เห็นว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีพยานมาไต่สวน จึงไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา เท่ากับได้วินิจฉัยเนื้อหาแห่งคำร้องของจำเลยที่ 1 แล้วว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่คนอนาถา จะใช้สิทธิดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ได้ ซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่มีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย คดีนี้แม้จำเลยที่ 1 ได้อุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดแล้ว แต่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์เฉพาะประเด็นที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีเพียงประเด็นเดียว โดยมิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนอนาถา คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงเป็นอันยุติ คดีไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาว่าสมควรอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เลื่อนคดีเพื่อทำการไต่สวนพยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 ต่อไปหรือไม่ อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

Share