คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยโดยผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในคดีหนึ่ง ไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะมาร้องขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งได้นำยึดไว้เพื่อบังคับคดีของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้และผู้ร้องจะไปร้องในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ขอยึดหรืออายัดทรัพย์ดังกล่าวนี้ก่อนคำพิพากษาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ก็ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290
คู่ความที่เกี่ยวข้องกับคดีเท่านั้นที่จะร้องขอขยายระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ได้เมื่อผู้ร้องเป็นบุคคลนอกคดี ก็ไม่อาจจะขอให้ศาลสั่งขยายระยะเวลาการขายทอดตลาดเพื่อให้โอกาสผู้ร้องเข้าขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ขายนั้นได้
การขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 ลักษณะ1หมวด 1 นั้น จะกระทำได้แต่เฉพาะผู้ที่เป็นคู่ความในคดีนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงินกู้ซึ่งนายเจิมบิดาจำเลยได้กู้ไปจากโจทก์โดยจำเลยเป็นผู้รับมรดกทุนทรัพย์ 43,500 บาท โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมโดยจำเลยยอมใช้เงินตามฟ้องภายใน7 วัน ศาลพิพากษาให้เป็นไปตามนั้น ครบกำหนดจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับโจทก์จึงนำยึดทรัพย์ของจำเลยคือ นา 2 แปลง เรือน 1 หลังภายหลังที่เจ้าพนักงานได้ประกาศขายทรัพย์ที่ยึดนั้นแล้ว นายอ้นผู้ร้องได้ยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้ว่า ผู้ร้องได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยคนเดียวกันนี้อีกสำนวนหนึ่ง ให้จำเลยเอามรดกนายเจิมบิดาใช้หนี้ผู้ร้อง 10,172 บาท โดยได้ฟ้องไว้ก่อนโจทก์ในคดีนี้การดำเนินคดีของโจทก์จำเลยในคดีนี้เป็นการสมยอมกันมิให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากจำเลย เพราะทรัพย์มรดกของนายเจิมผู้ตายคงมีแต่เฉพาะที่โจทก์ยึดไว้ในคดีนี้เท่านั้น คดีเรื่องของผู้ร้องยังจะนัดต่อไปอีก อาศัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์คดีเรื่องของผู้ร้องในระหว่างพิจารณาคือ

(1) งดการขายทอดตลาดในคดีนี้ไว้รอคดีเรื่องของผู้ร้องจนกว่าศาลจะได้พิพากษาหรือ

(2) ถ้ามิฉะนั้น ก็ขยายระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 เพื่อให้โอกาศผู้ร้องได้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ขายในคดีนี้ได้โดยพฤติการณ์พิเศษในเมื่อคดีผู้ร้องชนะ

ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่มีเหตุผลตามกฎหมายจะสั่งให้ได้ ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 และ 290 ผู้ร้องซึ่งมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินในทางบังคับคดีเลย และไม่มีอำนาจที่จะใช้วิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาหรือขอขยายระยะเวลาการขายทอดตลาด เพื่อขัดขวางสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าหนี้ของจำเลย จึงไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะมาร้องขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ได้นำยึดไว้เพื่อบังคับคดีของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ได้

ส่วนการที่จะขอขยายระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ก็ไม่อาจทำได้เพราะผู้ร้องไม่ใช่คู่ความเกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างไร

การขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 ลักษณะ 1 หมวด 1 จะกระทำได้แต่เฉพาะผู้ที่เป็นโจทก์หรือจำเลย ตาม ม.264 ที่ผู้ร้องอ้างนั้น ผู้ที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างพิจารณาได้นั้น ก็จะต้องเป็นคู่ความในคดีนั้น

ถึงแม้ผู้ร้องจะไปร้องในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ตาม มาตรา 254 แต่ มาตรา 290 ก็ยังห้ามมิให้เจ้าหนี้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นซ้ำอีกแม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องซึ่งเป็นแต่ผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ธรรมดาหาอาจที่จะเข้าขัดขวางการบังคับคดีของศาลโดยวิธีการคุ้มครองสิทธิเรียกร้องของตนอย่างใดได้ไม่

พิพากษายืน

Share