คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ที่มีข้อความว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทเพื่อถือการครอบครองที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวบางส่วน อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ถือว่าเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครอง และปลูกสร้างอาคารอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วย มิใช่ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว เมื่อได้ความว่าจำเลยปลูกเรือนพิพาทลงในแม่น้ำโดยมิได้ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทแต่จำเลยนำไม้ระแนง พาด จากพื้นดินไปยังเรือนพิพาทเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกผ่านที่พิพาท อันเป็นการปลูกสร้างอาคารรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขตามฟ้องโจทก์แล้ว ดังนั้นการที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือและปลูกสร้างอาคารในบริเวณที่ดิน น.ส.3 ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุโดยร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารในบริเวณที่ดินดังกล่าว เพื่อถือการครอบครองที่ดินบางส่วน ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพยของผู้อื่นโดยปกติสุข ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362,365, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365(3) จำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 4 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาในชั้นฎีกาเพียงว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในฐานความผิดที่จำเลยรบกวนการครอบครองที่พิพาทของผู้อื่นเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ เห็นว่า โจทก์กล่าวมาในฟ้องความว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารในที่ดินเนื้อที่ 2 งาน 70.7 ตารางวาเพื่อถือการครอบครองที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวบางส่วนอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขจึงเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครอง และปลูกสร้างอาคารอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วย มิใช่ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เรือนพิพาทปลูกอยู่ในแม่น้ำ มีไม้ระแนงพาดจากพื้นดินยาว1 วา ไปสู่เรือนพิพาทเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกผ่านที่พิพาท อันเป็นการปลูกสร้างอาคารรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขตรงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องแล้ว การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมา จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share