คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3215/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นปลัดอำเภอได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้ทำการตรวจสอบผลงานตามโครงการสร้างวานในชนบทของสภาตำบลการแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ในทางราชการจำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ต้องเดินทางไปตรวจสอบผลงานตามโครงการที่ได้รับมอบหมายแล้วรายงานให้นายอำเภอทราบการที่จำเลยทำรายงานว่าสภาตำบลได้จ้างเหมาเครื่องจักรกลขุดดินถูกต้องตามโครงการแล้วเห็นควรให้คณะกรรมการสภาตำบลดำเนินการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างนั้นๆที่งานตามโครงการยังไม่แล้วเสร็จโดยจำเลยได้ร่วมออกไปดูการตรวจสอบรับมอบงานของคณะกรรมการตรวจรับการจ้างดังกล่าวด้วยอีกทั้งงานในส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จนั้นอาจตรวจสอบและพบเห็นได้โดยง่ายดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเป็นเหตุให้นายอำเภอและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2531สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยสภาตำบลเหล่าใหญ่ ผู้เสียหายได้ว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ให้ขุดลอกหนองหลุบ ตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.) ประจำปี 2531 โดยกำหนดให้ขุดลอกขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 95 เมตร ลึก 2.50 เมตรจากที่ราษฎรขุดไว้ลึก 0.50 เมตร รวมปริมาตรดินที่ผู้รับจ้างจะต้องขุดขึ้นมา 6,826.50 ลูกบาศก์เมตร กำหนดให้เสร็จภายในวันที่30 พฤษภาคม 2531 ตกลงค่าจ้างเป็นเงิน 140,327.50 บาท ในการนี้นายอำเภอได้มีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอให้เป็นผู้ตรวจสอบผลงานตามโครงการดังกล่าวและมีหน้าที่ทำบันทึกรายงานให้นายอำเภอทราบทุกระยะ ครั้นวันที่19 พฤษภาคม 2531 เวลากลางวัน จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดังกล่าวข้างค้น ได้ร่วมกับจำเลยทั้งสี่ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 518/2534 ของศาลชั้นต้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายและทางราชการและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตโดยจำเลยได้ทำบันทึกการตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงานรับรองเป็นหลักฐานเสนอต่อนายอำเภอว่าผลการดำเนินงานจ้างดังกล่าวแล้วเสร็จถูกต้องตามโครงการ อันเป็นความเท็จ และเสนอความเห็นว่าเห็นควรให้คณะกรรมการสภาตำบลดำเนินการเบิกจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างต่อไป โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าความจริงงานจ้างยังไม่เสร็จตามสัญญา บันทึกดังกล่าวมุ่งพิสูจน์ความจริงการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นเหตุให้นายอำเภอและผู้เสียหายหลงเชื่อ อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าจ้างเกินกว่างานที่ผู้รับจ้างทำไปจริง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 83
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 162(1) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 1 ปีและปรับ 5,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือไม่ซึ่งในปัญหาดังกล่าวจำเลยฎีกาว่า การตรวจสอบและรับมอบงานเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจรับการจ้าง จำเลยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจำเลยเป็นเพียงผู้รอรับรายงานจากคณะกรรมการตรวจรับการจ้างเท่านั้น จำเลยจึงมิได้มีเจตนากระทำความผิด ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว>เห็นว่า แม้จำเลยจะมิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจรับการจ้างตามโครงการสร้างงานในชนบทในคดีนี้ จำเลยจึงไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการตรวจรับมอบงานดังกล่าวก็ตาม แต่จำเลยซึ่งเป็นปลัดอำเภอก็ได้รับการแต่งตั้งจากนายอำเภอให้ทำการตรวจสอบผลงานตามโครงการสร้างวานในชนบทของสภาตำบลเหล่าใหญ่ในคดีนี้ตามเอกสารหมาย ปจ.1 หรือ ล.2 การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ในทางราชการ จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ต้องเดินทางไปตรวจสอบผลงานตามโครงการที่ได้รับมอบหมายแล้วรายงานให้นายอำเภอทราบ การที่จำเลยทำรายงานว่า สภาตำบลเหล่าใหญ่ได้จ้างเหมาเครื่องจักรกลขุดดินถูกต้องตามโครงการแล้วเห็นควรให้คณะกรรมการสภาตำบลดำเนินการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างทั้ง ๆ ที่งานตามโครงการยังไม่แล้วเสร็จ โดยจำเลยได้ร่วมออกไปดูการตรวจสอบและรับมอบงานของคณะกรรมการตรวจรับการจ้างดังกล่าวด้วย อีกทั้งงานในส่วนที่ยังไม่แล้วเสร็จนั้นอาจตรวจสอบและพบเห็นได้โดยง่าย ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้นายอำเภอและสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
พิพากษายืน

Share