แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สัญญาจำนองมีข้อตกลงว่า ส. จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันเงินซึ่งผู้จำนองหรือ อ. เป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในขณะทำสัญญาหรือในอนาคตทั้งหมดรวมวงเงิน 80,000 บาท เมื่อปรากฏว่าสัญญาจำนองทำขึ้นวันเดียวกับที่ อ. ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับผู้รับจำนอง และหนังสือต่ออายุสัญญา ครั้งสุดท้ายก็ระบุวงเงินเบิกเกินบัญชีไม่เกิน 80,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้น อ. เป็นหนี้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองอยู่ถึง 116,671.87 บาท ดังนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ร้องกับ ส. ผู้จำนองมีเจตนาจำนองประกันหนี้รวมดอกเบี้ยทั้งหมดไม่เกิน 80,000 บาท ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองขอให้ศาลสั่งขายที่ดินที่จำนองโดยวิธีปลอด จำนองและขอนำเงินที่ขายทอดตลาดมาชำระหนี้จำนองก่อนเช่นนี้เป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำนองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าหนี้ผู้รับจำนองด้วยวิธีการพิเศษตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับชำระค่าฤชาธรรมเนียมบังคับจำนองในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนอง.
ย่อยาว
คู่ความทั้งสองฝ่ายทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชำระเงินจำนวน 503,180.37 บาท พร้อมดอกเบี้ยโดยผ่อนชำระเป็น 10 งวด งวดละ 15,000 บาท และชำระส่วนที่เหลือในงวดสุดท้าย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมชั้นบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินมรดกพร้อมสิ่งปลูกสร้างของนายสุพิชญ์พิทยาพิบูลย์พงศ์ ผู้ตาย ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นทายาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นผู้รับจำนองที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างจากผู้ตายเป็นจำนวนเงิน 80,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส. ยูนิเวอร์เซล เทรดดิ้ง เมื่อคิดคำนวณถึงวันที่ 30 เมษายน 2528 ห้างฯ เป็นหนี้เบิกเกินบัญชีผู้ร้องจำนวน213,650.75 บาท ขอให้ศาลสั่งให้ขายทอดตลาดที่ดินรายนี้โดยปลอดจำนองแล้วนำเงินมาชำระหนี้และค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองให้แก่ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองครบถ้วนก่อนเจ้าหนี้รายอื่น
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ 80,000 บาท ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิก่อนโจทก์และให้ผู้ร้องได้รับชดใช้ค่าธรรมเนียมในชั้นขอรับชำระหนี้ด้วยเฉพาะในส่วนค่าธรรมเนียมของผู้ร้องดังกล่าว ให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในฐานะเจ้าหนี้สามัญ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ทางไต่สวนคำร้องของผู้ร้องได้ความว่าเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2513 นายสุพิชญ์ พิทยาพิบูลย์พงศ์ ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 36547 ที่โจทก์นำยึดเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส. ยูนิเวอร์เซลเทรดดิ้งกำหนดวงเงิน 80,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปีปรากฏตามสัญญาจำนองเอกสารหมาย ร.2 สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเอกสารหมาย ร.3 มีการต่ออายุสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกันหลายครั้งครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2522 ปรากฏตามหนังสือต่ออายุสัญญาเอกสารหมาย ร.5 ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวยอมรับว่าเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีคิดถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2522 เป็นจำนวน116,671.87 บาท ปรากฏตามคำขอเลื่อนกำหนดชำระหนี้เอกสารหมาย ร.6เมื่อคิดหักทอนบัญชีกันถึงวันที่ 30 เมษายน 2528 ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเป็นลูกหนี้ของผู้ร้องจำนวน 213,650.75 บาทปรากฏตามบัญชีกระแสรายวันเอกสารหมาย ร.7 ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวมิใด้ชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีแก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้จำนองที่ดินแปลงดังกล่าว
พิเคราะห์แล้ว ที่ผู้ร้องฎีกาขอให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากทรัพย์จำนอง 80,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันจำนองจนกว่าจะชำระเสร็จ รวมทั้งค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอร้บชำระหนี้จำนองในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองจนครบถ้วนแล้วจึงจัดสรรชำระหนี้ให้แก่โจทก์หรือเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ต่อไปนั้น ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองซึ่งนายสุพิชญ์จำนองที่ดินดังกล่าวเป็นประกันหนี้ของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเอกสารหมาย ร.2ข้อ 1 ระบุว่า ผู้จำนองตกลงจำนองที่ดินกับบรรดาตึกโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่แล้วในที่ดินรายนี้ หรือซึ่งจะได้ปลูกสร้างขึ้นใหม่ในภายหน้าในที่ดินรายนี้ทั้งสิ้นไว้แก่ผู้รับจำนองเป็นประกันเงินซึ่งผู้จำนองหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.ยูนิเวอร์เซลเทรดดิ้ง เป็นหนี้ผู้ร้องจำนองอยู่ในเวลานี้หรือในเวลาใดเวลาหนึ่งในภายหน้าในเรื่องการกู้เงิน การเบิกเงินเกินบัญชีและหนี้ในลักษณะอื่น ๆ ที่เป็นหนี้แก่ผู้รับจำนองทั้งหมด ซึ่งรวมวงเงิน80,000 บาท ปรากฏว่าสัญญาจำนองนี้ทำขึ้นวันเดียวกับสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีซึ่งห้างหุ้นส่วนดังกล่าวทำไว้กับผู้ร้อง จึงเห็นได้ว่าวงเงิน 80,000 บาท ตามที่ระบุในข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองนั้นหมายถึงหนี้ทุกชนิด ทั้งในขณะทำสัญญาและในอนาคตที่ผู้จำนองหรือห้างหุ้นส่วนดังกล่าวอาจเป็นหนี้ผู้ร้องได้ ดังนั้นดอกเบี้ยจำนองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหนี้จำนองย่อมรวมอยู่ในวงเงิน 80,000บาทนี้อย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะหนี้อื่น ๆ ไม่ว่าลักษณะใดก็ยังรวมอยู่ในวงเงินนี้ เจตนาของผู้ร้องและผู้จำนอง เห็นได้ชัดว่าเป็นเช่นนั้นจากหลักฐานหนังสือต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้ายเอกสารหมาย ร.5 อีกด้วย กล่าวคือ หนังสือดังกล่าวซึ่งผู้ร้องให้ผู้จำนองลงลายมือชื่อไว้ด้วยนั้นได้ระบุวงเงินเบิกเกินบัญชีไว้ไม่เกิน80,000 บาท เช่นเดียวกับเมื่อทำสัญญาจำนอง และหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2522 ทั้ง ๆ ที่ปรากฏข้อเท็จจริงตามคำขอเลื่อนกำหนดชำระหนี้เอกสารหมาย ร.6 ว่าในวันที่ 11 พฤษภาคม2522 ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ถึง 116,671.87บาท แสดงให้เห็นว่าการจำนองที่ดินประกันหนี้นั้นนายสุพิชญ์ผู้จำนองกับผู้ร้องมีเจตนาประกันหนี้รวมดอกเบี้ยทั้งหมดไม่เกิน80,000 บาท ที่ศาลล่างทั้งสองให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้เพียง80,000 บาท โดยไม่ให้ดอกเบี้ยจากเงินจำนวนนี้นั้นชอบแล้ว ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองให้ผู้ร้องได้รับชดใช้ค่าธรรมเนียมที่เสียไปในการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นนี้โดยให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินของจำเลยในฐานะเจ้าหนี้สามัญโดยศาลอุทธรณ์ เห็นว่าค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวมิใช่ค่าฤชาธรรมเนียมบังคับจำนองเพราะกรณีเป็นเรื่องผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ มิใช่ฟ้องร้องบังคับจำนองนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะกรณีผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองขอให้ขายที่ดินดังกล่าวโดยวิธีปลอดจำนองและขอให้นำเงินที่ขายทอดตลาดได้มาชำระหนี้จำนองก่อน จึงเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำนองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าหนี้ผู้รับจำนองด้วยวิธีการพิเศษตามที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ดังนั้น ผู้ร้อองจึงชอบที่จะได้รับชำระค่าฤชาธรรมเนียมในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องได้รับชำระค่าฤชาธรรมเนียมในการขอรับชำระหนี้จำนองในศาลชั้นต้น เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ผู้ร้องได้รับตามทุนทรัพย์ 80,000 บาท กำหนดค่าทนายความให้ 1,000 บาทโดยรับชำระจากเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 36547 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”.