แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การล่วงเกินในทำนองชู้สาว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสองมีความหมายรวมถึงการทำชู้ ด้วย สิทธิเรียกค่าทดแทนตามความในวรรคสองของมาตรา 1523 นี้ มิได้มีเงื่อนไขว่าสามีจะต้องฟ้องหย่าภริยาเสียก่อนจึงจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ล่วงเกินได้ ค่าทดแทนในกรณีนี้เป็นค่าเสียหายอย่างหนึ่งที่กฎหมายกำหนดให้ชายชู้ ต้องรับผิด ศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามฐานานุรูปแห่งผู้ต้องได้รับความเสียหาย ซึ่งรวมถึงความเสียหายแก่ชื่อ เสียง และเกียรติคุณของโจทก์ด้วย โจทก์ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยซึ่งเป็นชู้ กับภริยาโจทก์จำเลยให้การว่าโจทก์รู้เห็นเป็นใจให้จำเลยเป็นชู้ กับผู้ตาย ซึ่งถ้าเป็นจริงโจทก์จะเรียกค่าทดแทนไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสามประเด็นข้อนี้ภาระการพิสูจน์ตก แก่จำเลย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นชู้กับภริยาโจทก์เป็นเหตุให้ภริยาโจทก์ตายเพราะการร่วมประเวณีกับจำเลย ขอให้ชำระค่าเสียหายฐานละเมิด 170,000 บาท และค่าทดแทนที่จำเลยเป็นชู้เป็นเงิน130,000 บาท
จำเลยให้การว่าภริยาโจทก์ตายด้วยโรคหัวใจเอง จำเลยมิได้ทำละเมิด โจทก์รู้เห็นเป็นใจให้ภริยามีชู้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนเพราะยังไม่มีคำพิพากษาให้โจทก์และภริยาหย่ากันก่อน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่จำเลยเป็นชู้กับภริยาโจทก์เป็นเงิน 40,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ถึงแก่ความตาย บุตรโจทก์เข้าเป็นคู่ความแทน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ประเด็นที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนโดยไม่ฟ้องหย่ากับภริยาเสียก่อนหรือไม่โจทก์รู้เห็นเป็นใจให้ผู้ตายเป็นชู้กับจำเลยหรือไม่ และเรื่องค่าทดแทน ในเรื่องอำนาจฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นว่าความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า”สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้…” การล่วงเกินในทำนองชู้สาวย่อมมีความหมายรวมถึงการทำชู้ด้วยและสิทธิเรียกค่าทดแทนตามความในวรรคสองของบทกฎหมายดังกล่าวมิได้มีเงื่อนไขว่าสามีจะต้องฟ้องหย่าภริยาเสียก่อนจึงจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ล่วงเกินภริยาในทำนองชู้สาวได้ ดังนั้นเมื่อจำเลยเป็นชู้กับภริยาโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์รู้เห็นเป็นใจให้จำเลยเป็นชู้กับผู้ตายนั้น ประเด็นข้อนี้ภาระการพิสูจน์ตกแก่จำเลย ซึ่งได้ความว่าจำเลยและผู้ตายทำงานอยู่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเหมือนกัน และจำเลยเบิกความว่ามีสายงานเกี่ยวข้องกับผู้ตายด้วย ที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์เคยเห็นจำเลยกับผู้ตายไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสอง หากมีก็เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ย่อมเข้าใจว่าไปในฐานะเพื่อนร่วมงานดังที่จำเลยเบิกความซึ่งเปด็นเรื่องปกติธรรมดาที่บุคคลในภาวะเช่นนี้ย่อมมีกันได้ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์รู้เห็นเป็นใจให้ผู้ตายเป็นชู้กับจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ สำหรับข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าค่าทดแทนสูงไปและศาลล่างมิได้วางหลักเกณฑ์ในการคำนวณนั้นเห็นว่า ค่าทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 เป็นค่าเสียหายอย่างหนึ่งที่กฎหมายกำหนดให้ชายชู้ต้องรับผิด ศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามฐานานุรูปแห่งผู้ต้องได้รับความเสียหาย ซึ่งในเรื่องนี้รวมถึงความเสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณของโจทก์ด้วยได้ความว่า โจทก์เป็นข้าราชการ ระดับ 3 อยู่ที่สำนักงานที่ดินอำเภอบางกระทุ่ม แต่ถูกเรียกตัวมาช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่ พ.ศ. 2512 โดยปฏิบัติการทางจิตวิทยา แสดงว่าโจทก์เป็นผู้มีความรู้ความสามารถจึงได้รับการแต่งตั้งถือได้ว่าเป็นผู้มีชื่อเสียพอสมควร การที่จำเลยซึ่งทำงานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเช่นเดียวกับผู้ตาย และสายงานเกี่ยวข้องกันแล้วจำเลยไปลักลอบเป็นชู้กับผู้ตายที่โรงแรมในกรุงเทพมหานครจนหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับแพร่ข่าวนี้ระบุชื่อโจทก์ว่าเป็นสามีผู้ตาย ระบุชื่อจำเลยและชื่อผู้ตายมีเนื้อหาตามข่าวว่าซี.7 ร่วมรักชั้นโทสาวไฟฟ้าเสียวสุดขีดตายที่โรงแรมสุขสวัสดิ์ย่อมทำให้โจทก์เสียหายแก่ชื่อเสียงและได้รับความอับอายเป็นอย่างมาก จึงเห็นว่าที่ศาลล่างกำหนดค่าทดแทนให้จำเลยต้องรับผิดมานั้นเป็นผลดีแก่จำเลยมากแล้ว จากเหตุผลดังวินิจฉัยมาไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่อย่างใด ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 600 บาท แทนโจทก์”.