คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวที่ออกโดยอาศัยความตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวมิใช่กฎหมาย ดังนั้น แม้ในระหว่างพิจารณาคดีจะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมตามประกาศฉบับแรก ก็ไม่มีผลลบล้างการกระทำซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำความผิด และกรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 วรรค 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๒ ตลอดมาจนถึงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๑๒ ทั้งกลางวันและกลางคืน จำเลยบังอาจกระทำการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ฉบับที่ ๘๔ พ.ศ.๒๕๑๑ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๑ ขนย้ายข้าวออกนอกเขตเข้าไปในเขตห้ามขนย้าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ.๒๔๘๙ มาตรา ๔, ๑๐, ๑๒, ๑๓, ๑๓ ทวิ(๒) ประกาศคณะกรรมการฯฉบับที่ ๘๔ พ.ศ.๒๕๑๑ และสั่งริบข้าวและรถยนต์บรรทุกที่ใช้กระทำผิดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสิบพยานโจทก์หมดแล้ว กลับให้การรับสารภาพและแถลงว่าขณะนี้ได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมข้าวและกำหนดเขตห้ามขนย้ายข้าวแล้วตามประกาศฯ ฉบับที่ ๙๐ ลงวันที่ ๑๘มีนาคม ๒๕๑๓
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๔๘๙ มาตรา ๖ ประกาศคณะกรรมการฯฉบับที่ ๘๔ พ.ศ.๒๕๑๑ เรื่องการควบคุมและกำหนดเขตห้ามขนย้ายข้าวปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท ลดโทษตามมาตรา ๗๘ กฎหมายอาญาให้ ๑ ใน ๔ คงปรับ ๗,๕๐๐ บาท ริบข้าวสารและรถยนต์บรรทุกของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ได้มีประกาศคณะกรรมการฯ ยกเลิกการควบคุมแล้ว จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากประกาศฉบับนี้ และสิทธิดำเนินคดีอาญาของโจทก์จึงหมดไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ในระหว่างศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้จะได้มีประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ฉบับที่ ๙๐พ.ศ.๒๕๑๓ ให้ขนย้ายข้าวได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก็ตาม แต่ประกาศฉบับที่ ๙๐ นี้มิใช่เป็นกฎหมาย จึงไม่มีผลลบล้างการกระทำของจำเลยซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น กรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒ วรรคสอง จำเลยจึงไม่พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share