คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้หนังสือสัญญาเช่าจะระบุไว้ว่าเช่าเพื่อใช้ทำการค้าก็ย่อมนำสืบความจริงว่าได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่อันได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯได้ไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินซึ่งจำเลยเช่าโจทก์ โดยจำเลยได้ปลูกสร้างอาคารขึ้นทำเป็นร้านค้าและนำสถานที่เช่าไปให้เช่าช่วงโดยมิได้รับความยินยอมของเจ้าของที่ดิน

จำเลยต่อสู้ว่าได้เช่าที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ไม่ได้เอาที่ดินไปให้เช่าช่วง

ศาลชั้นต้นเห็นว่าการเช่าของจำเลยไม่ถือว่าเป็นเคหะตามความหมายของ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเช่าเพื่อการค้าและทำการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้เช่าที่ดินโดยเจตนาเพื่ออยู่อาศัยตั้งแต่ที่ดินแถวนั้นยังไม่เป็นทำเลการค้าและได้อยู่อาศัยตลอดมาแม้จะได้ทำการค้าขายบ้างในภายหลังก็เป็นการเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อจุนเจือค่าครองชีพเพราะค้าขายไม่สู้ดีโดยอยู่ห่างตลาดสดสามเส้นเศษโจทก์ไม่มีพยานสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น แม้สัญญาเช่าจะระบุไว้ว่าเช่าเพื่อไว้ทำการค้าขายจำเลยก็ย่อมนำสืบได้ว่าความจริงได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ จำเลยจึงได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1963 – 1965/2494 พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share