แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ป.วิ.อ. มาตรา 35 มิได้บัญญัติถึงวิธีถอนฟ้องว่าจะต้องทำเป็นคำร้องแต่วิธีเดียวเท่านั้น หากคู่ความมาอยู่ต่อหน้าศาลและแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาย่อมไม่ห้ามศาลที่จะยอมรับคำแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาที่ได้กระทำในศาล โดยจดข้อความขอถอนฟ้องนั้นลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาหรืออาจจะกำหนดให้โจทก์ถอนฟ้องโดยทำเป็นคำร้องขอถอนฟ้องก็ได้แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร การนัดคู่ความให้มาศาลเพื่อเจรจากันในห้องทำงานของผู้พิพากษาหัวหน้าศาลถือได้ว่า คู่ความมาศาลและขอให้ศาลนั่งพิจารณาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท แม้การไกล่เกลี่ยจะมิได้กระทำในห้องพิจารณาคดีของศาล แต่ก็อยู่ในศาล ถือว่าศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลโดยชอบแล้ว เมื่อคู่ความอยู่ต่อหน้าศาลในการพิจารณาคดีของศาล และโจทก์แถลงของถอนฟ้องด้วยวาจาในศาลนั้นเองก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจที่จะรับคำแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาได้โดยชอบ
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งและคดีอาญาคดีนี้เกี่ยวด้วยมรดกของ ม. ศาลชั้นต้นไกล่เกลี่ยคู่ความทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญาไปในคราวเดียวกัน เจตนาในการไกล่เกลี่ยก็เพื่อยุติข้อพิพาททั้งในคดีแพ่งและคดีอาญาโดยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งและโจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาให้เสร็จไปทั้งสองคดีในคราวเดียวกัน ดังนั้น แม้คู่ความจะตกลงกันในคดีแพ่งได้และโจทก์ยอมจะถอนฟ้องคดีอาญา ศาลชั้นต้นก็ต้องทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งไปพร้อมกับอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีอาญาไปในคราวเดียวกันเพื่อให้คดีทั้งสองยุติไปตามเจตนาในการไกล่เกลี่ยและเจรจาตกลงกัน การที่ศาลชั้นต้นด่วนบันทึกรายงานกระบวนพิจารณาในคดีอาญาว่าโจทก์ขอถอนฟ้อง จำเลยคัดค้าน ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องและมีคำสั่งจำหน่ายคดีอาญาจากสารบบความไปก่อน โดยไม่รอให้คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งให้เสร็จไปเพื่อให้คดีทั้งสองยุติไปพร้อมกันในคราวเดียวกัน จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดหลง และผิดหลง และผิดระเบียบว่าด้วยการพิจารณาคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 โจทก์จึงชอบที่จะขอให้เพิกถอนเสียได้
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 91, 177, 180, 264, 265, 266 และ 268 ระหว่างไต่สวนมูลฟ้องเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2544 คู่ความแถลงขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจาตกลงกัน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 12 ธันวาคม 2544 เวลา 9 นาฬิกา
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2544 เวลา 10 นาฬิกา โจทก์ ทนายโจทก์ จำเลยและทนายจำเลยมาศาล และแถลงร่วมกันว่า สามารถตกลงเจรจาในเรื่องทรัพย์มรดกของนายมังกร ภักดิ์โพธิ์ ได้ข้อยุติและแบ่งกันได้แล้ว โจทก์จึงไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่ค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2544 ต่อมาวันเดียวกันโจทก์ยื่นคำร้องว่าการถอนฟ้องคดีอาญามีเงื่อนไขว่าโจทก์กับจำเลยต้องทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2003/2544 ก่อน โจทก์ลงลายมือชื่อถอนฟ้องโดยสำคัญผิดและไม่ได้สมัครใจ ขอให้งดจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นยกคำร้อง
วันที่ 3 ธันวาคม 2544 โจทก์ยื่นคำร้องว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 เพราะการถอนฟ้องคดีอาญาต้องทำเป็นคำร้อง แต่โจทก์มิได้ยื่นคำร้องถอนฟ้องแต่อย่างใด และการถอนฟ้องมีเงื่อนไขว่าต้องตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งก่อน ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้วไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2544 ว่ากรณีไม่มีเหตุให้มีการเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนี้ ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและมีคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความโดยโจทก์แถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจามิได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 การถอนฟ้องคดีอาญาจะต้องทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาล แต่คดีนี้โจทก์แถลงขอถอนฟ้องต่อศาลด้วยวาจา การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลโดยอนุญาตให้โจกท์ถอนฟ้องและมีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 บัญญัติเกี่ยวกับการถอนฟ้องคดีอาญาว่า คำร้องขอถอนฟ้องคดีอาญา จะยื่นเวลาใดก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ได้ และคดีความผิดต่อส่วนตัวนั้นจะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ มิได้บัญญัติถึงวิธีถอนฟ้องว่าจะต้องทำเป็นคำร้องแต่วิธีเดียวเท่านั้น หากคู่ความมาอยู่ต่อหน้าศาลและแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาย่อมไม่ห้ามศาลที่จะยอมรับคำแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาที่ได้กระทำในศาล โดยจดข้อความขอถอนฟ้องนั้นลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาหรืออาจจะกำหนดให้โจทก์ถอนฟ้องโดยทำเป็นคำร้องขอถอนฟ้องก็ได้แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร เรื่องนี้แม้ในวันเกิดเหตุจะไม่ใช่วันนัดพิจารณาทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญาและคู่ความไม่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกนั่งพิจารณาคดีเพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาท แต่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดขอนแก่นได้นัดคู่ความให้มาศาลเพื่อเจรจากันในห้องพักของผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ถือได้ว่าคู่ความมาศาลและขอให้ศาลนั่งพิจารณาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท แม้การไกล่เกลี่ยจะได้กระทำในห้องพักของผู้พิพากษาหัวหน้าศาลมิใช่ในห้องพิจารณาคดีของศาลแต่ก็เพื่อความสะดวกแก่การที่คู่ความจะได้เจรจาตกลงกัน ซึ่งห้องพักของผู้พิพากษาหัวหน้าศาลก็อยู่ในศาลเช่นเดียวกับห้องพิจารณาคดีของศาล ถือว่าศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลโดยชอบแล้ว เมื่อคู่ความอยู่ต่อหน้าศาลในการพิจารณาคดีของศาล และโจทก์แถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาในศาลนั้นเองก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจที่จะรับคำแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาได้โดยชอบ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อต่อไปว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีนี้และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เป็นคำสั่งที่ผิดหลงและผิดระเบียบหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งและคดีอาญาคดีนี้เกี่ยวด้วยมรดกของนายมังกร ภักดิ์โพธิ์ ศาลชั้นต้นไกล่เกลี่ยคู่ความทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญาไปในคราวเดียวกันเจตนาในการไกล่เกลี่ยก็เพื่อยุติข้อพิพาททั้งในคดีแพ่งและคดีอาญาโดยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งและโจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาให้เสร็จไปทั้งสองคดีในคราวเดียวกัน ดังนั้น แม้คู่ความจะตกลงกันในคดีแพ่งได้และโจทก์ยอมจะถอนฟ้องคดีอาญา ศาลชั้นต้นก็ต้องทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งไปพร้อมกับอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีอาญาไปในคราวเดียวกัน เพื่อให้คดีทั้งสองยุติไปตามเจตนาในการไกล่เกลี่ยและเจรจาตกลงกัน การที่ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาในคดีอาญาว่าเวลา 10 นาฬิกา คู่ความร่วมกันแถลงว่าสามารถตกลงเจรจาในเรื่องทรัพย์มรดกของนายมังกร ภักดิ์โพธิ์ ได้ข้อยุติและแบ่งกันได้แล้ว โจทก์จึงไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่ค้าน พิเคราะห์แล้ว โจทก์และจำเลยตกลงกันได้ อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ส่วนในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าให้คู่ความไปจัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความและมาทำยอมกันในเวลา 14 นาฬิกาของวันนั้น แสดงว่า ศาลชั้นต้นเข้าใจผิดไปว่าคู่ความจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความและมีการพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งในตอนบ่ายของวันนั้นโดยไม่มีปัญหาอุปสรรคใด แต่เมื่อปรากฏว่าในตอนบ่ายของวันนั้นไม่มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใดก็ตาม ย่อมไม่เป็นไปตามเจตนาในการไกล่เกลี่ยและการเจรจาตกลงของโจทก์ การถอนฟ้องในคดีอาญาย่อมไม่มีผล ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นด่วนบันทึกรายงานกระบวนพิจารณาในคดีอาญาว่า โจทก์ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่ค้าน ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้อง และมีคำสั่งจำหน่ายคดีอาญาจากสารบบความไปก่อน โดยไม่รอให้คู่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งให้เสร็จไปเพื่อให้คดีทั้งสองยุติไปพร้อมกันในคราวเดียวกัน จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดหลง และผิดระเบียบว่าด้วยการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โจทก์จึงชอบที่จะขอให้เพิกถอนเสียได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดี