แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลย เป็นฟ้องในมูลหนี้ตามสัญญาตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ฟ้องร้องบังคับคดีได้
หมายเหตุ คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์โดยยังไม่ได้สำเนาฟ้องให้จำเลย จำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจำเลยฎีกาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางสาวพังได้ยืมเงินโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท และให้โจทก์ไปชำระหนี้นางสาวพังได้กู้เงินธนาคาร ปรากฏตามหนังสือกู้เบิกเงินเกินบัญชีท้ายฟ้อง แต่ไม่มีสัญญากู้ยืม นางสาวพังได้ถึงแก่ความตาย ขอให้เอาทรัพย์มรดกมาชำระหนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามฟ้องของโจทก์ปรากฏว่า การกู้ยืมไม่ได้ทำสัญญากู้จึงฟ้องไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ เพราะเป็นฟ้องที่ไม่มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้รับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในคำฟ้องตอนต้นโจทก์ได้บรรยายว่า นางสาวพังได้ยืมเงินโจทก์ไปก็ตาม แต่ตามคำบรรยายฟ้องตอนต่อไปเมื่อสรุปแล้วเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินซึ่งโจทก์ได้ชำระหนี้ที่นางสาวพังเบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร เป็นฟ้องในมูลหนี้ตามสัญญาตัวแทน ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องเงินที่ออกไปแทนนางสาวพัง จากจำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกนางสาวพัง การเป็นตัวแทนในการชำระหนี้ ไม่จำต้องมีหนังสือเป็นหลักฐานก็ฟ้องร้องขอให้ศาลบังคับคดีได้ ฟ้องของโจทก์จึงสมควรรับไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
พิพากษายืน.