คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3181/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านที่ 1 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญา กับลูกหนี้ในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงิน ตามเช็คลูกหนี้จึงได้ขายที่ดินเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามเช็คเพื่อมิให้ต้องรับโทษทางอาญา มิใช่เจตนาชำระหนี้เพื่อให้ได้เปรียบเจ้าหนี้คนอื่นกรณีไม่อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 115 ผู้ร้องขอเพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าวไม่ได้
ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ เมื่อลูกหนี้ขายที่ดินได้เงิน มาก็นำเงินนั้นชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 กรณีไม่มีเหตุดัง ผู้คัดค้านที่ 1 การชำระหนี้ที่ได้กระทำต่อกันจึงเป็นการชำระหนี้โดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ผู้ร้องขอเพิกถอนการชำระหนี้ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยทั้งสองและพิพากษาให้ล้มละลาย
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า ในระหว่างเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลาย จำเลยได้ขายที่ดินให้แก่ผู้มีชื่อแล้วนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านที่ ๑ และที่ ๒ โดยมุ่งหมายให้ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ขอให้เพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าว
ผู้คัดค้านที่ ๑ คัดค้านว่า จำเลยชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านที่ ๑ เพราะผู้คัดค้านที่ ๑ ดำเนินคดีอาญากับจำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค จึงเป็นการชำระหนี้เพื่อให้หลุดพ้นจากคดีอาญาไม่ได้มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านที่ ๑ ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการชำระหนี้ ขอให้ยกคำร้อง
ผู้คัดค้านที่ ๒ คัดค้านว่า จำเลยกู้เงินผู้คัดค้านที่ ๒ และมอบ น.ส. ๓ ให้เป็นประกัน เมื่อหนี้ถึงกำหนดจำเลยได้มอบอำนาจให้ผู้คัดค้านที่ ๒ ขายที่ดินนั้นไป ได้เงินมาแล้วหักชำระหนี้ของผู้คัดค้านที่ ๒ โดยสุจริตมิได้สมยอมกันทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับผู้คัดค้านที่ ๑ นั้นข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้คัดค้านที่ ๑ เป็นเจ้าหนี้ตามเช็คจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ ลูกหนี้ไม่มีเงินชำระ ผู้คัดค้านที่ ๑ ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญากับลูกหนี้ในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ลูกหนี้จึงได้ขายที่ดินเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามเช็คเพื่อมิให้ต้องรับโทษทางอาญา มิใช่เจตนาชำระหนี้เพื่อให้ได้เปรียบเจ้าหนี้คนอื่นกรณีไม่อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา ๑๑๕ ผู้ร้องขอเพิกถอนการชำระหนี้ที่ผู้คัดค้านที่ ๑ รับชำระหนี้ไว้จากลูกหนี้ไม่ได้
ส่วนผู้คัดค้านที่ ๒ นั้น ปรากฏว่าผู้คัดค้านที่ ๒ เป็นเจ้าหนี้เงินกู้เมื่อลูกหนี้ขายที่ดินได้เงินมาก็นำเงินนั้นชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านที่ ๒ กรณีไม่มีเหตุดังผู้คัดค้านที่ ๑ การชำระหนี้ที่ได้กระทำต่อกันจึงเป็นการชำระหนี้โดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านที่ ๒ ได้เปรียบเจ้าหนี้คนอื่น กรณีอยู่ในบังคับตามบทบัญญัติดังกล่าวผู้ร้องขอเพิกถอนการชำระหนี้ที่ผู้คัดค้านที่ ๒รับชำระหนี้ไว้จากลูกหนี้ได้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่เพิกถอนการชำระหนี้รายผู้คัดค้านที่ ๒ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นายสัตยา เพชรชาติ ผู้คัดค้านที่ ๒ ใช้เงิน ๖๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ผู้ร้องยื่นคำร้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้

Share