แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อกำหนดคดีภาษีอากร ฉบับลงวันที่ 30 มกราคม 2529ข้อ 8
        โจทก์บรรยายฟ้องสรุปได้ว่า  เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2523จำเลยนำเข้าเครื่องอะไหล่อุปกรณ์วิทยุจากประเทศญี่ปุ่น  และสำแดงราคาของสินค้าไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า  และแบบแสดงรายการการค้าลงวันที่ 17 ธันวาคม2524  เป็นเงิน 161,780.06 บาท  เพื่อเสียอากรขาเข้า  ภาษีการค้า  และภาษีบำรุงเทศบาล  พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1  เห็นว่าไม่มีรายละเอียดราคาท้องตลาดสำหรับสินค้าของจำเลย  จึงให้จำเลยวางเงินประกันไว้10,000 บาท  ภายหลังได้มีการตรวจสอบราคาจากการนำเข้าของรายอื่น แล้วปรากฏว่าราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงไว้ต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดที่มีราคา359,173.29 บาท  เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินค่าภาษีอากรที่จำเลยจะต้องชำระเพิ่มขึ้น  แต่จำเลยไม่ชำระ  การบรรยายฟ้องดังนี้จึงแสดงถึงสภาพข้ออ้างและข้อหาตลอดจนการที่ถูกโต้แย้งสิทธิไว้อย่างชัดแจ้ง  จำเลยสามารถเข้าใจคำฟ้องและต่อสู้คดีได้ถูกต้องชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172  ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528  มาตรา 17 แล้วไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
        การอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีของศาลภาษีอากรกลางเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา  ซึ่งปกติจำเลยจะต้องโต้แย้งคำสั่งของศาลเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อไป  แต่ในกรณีที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งไม่อนุอาตให้จำเลยเลื่อนคดีและมีคำพิพากษาในวันเดียวกัน  ทำให้จำเลยไม่มีระยะเวลาหรือโอกาสโต้แย้งคำสั่งได้  จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์โดยไม่ต้องโต้แย้งได้
        จำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินในส่วนของภาษีการค้าและ-ภาษีบำรุงเทศบาล  ทั้งในชั้นพิจารณาของศาล จำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 ทำให้จำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลย  และในวันนัดชี้สองสถาน  จำเลยทราบนัดแล้วก็ไม่มาศาล  อีกทั้งนับจากวันที่จำเลยยื่นคำให้การจนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นเวลาถึงสองเดือนเศษซึ่งเป็นระยะเวลานานพอควร  จำเลยควรที่จะติดตามและสอบถามถึงวันนัดที่จำเลยมีวันว่างเพื่อจะได้ขอเลื่อนคดีเสียก่อนนั้นได้  แต่ตามพฤติการณ์ของจำเลยกลับปรากฏว่า จำเลยไม่เอาใจใส่และสนใจดำเนินคดีเท่าที่ควร ที่ศาลภาษีอากร-กลางไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเป็นผลมาจากความบกพร่องของจำเลยเอง  จึงเป็นการใช้ดุลยพินิจที่มีเหตุผลสมควรแล้ว

