คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ละเมิดขับรถยนต์โดยประมาท ชนรถโจทก์ได้รับความเสียหาย. จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การ.ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ. ต่อมามีหนังสือมาถึงผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี เป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีคำแปล. อ้างว่าเป็นหนังสือของกงสุลมีใจความว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองโดยเอกสิทธิตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐ ไม่ต้องขึ้นศาลไทย. ศาลชั้นต้นเชื่อหนังสือฉบับนี้ ให้จำหน่ายคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อหนังสือดังกล่าวมาสู่ศาลลอยๆ ไม่มีผู้ใดรับรองว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันอันแท้จริง และจำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงทางทหารหรือไม่.ข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นอย่างใดไม่ปรากฏ ที่ศาลล่างเชื่อว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกัน และเชื่อข้อเท็จจริงตามหนังสือนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย. จึงให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้ง 2 ศาล. ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อนว่า. จำเลยได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยจริงหรือไม่. แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถโจทก์เสียหาย ขอเรียกค่าเสียหาย จำเลยมิได้ยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ กงสุลอเมริกันมีหนังสือเป็นภาษาอังกฤษ โดยไม่มีการแปลเป็นภาษาไทยว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองโดยเอกสิทธิตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐที่จะไม่ต้องขึ้นศาลไทย โจทก์แถลงคัดค้านว่า โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีให้ศาลบังคับจำเลยได้ ข้อที่อ้างว่าจำเลยได้รับเอกสิทธิมิต้องขึ้นศาลไทยนั้นไม่เป็นความจริง ศาลชั้นต้นเห็นว่าหนังสือกงสุลอเมริกันเป็นที่เชื่อถือได้ให้จำหน่ายคดี โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ในปัญหาที่ว่า จำเลยจะได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยหรือไม่นั้น ปรากฏในสำนวน แต่เพียงเอกสารเป็นภาษาอังกฤษฉบับเดียว โดยอ้างว่า เป็นหนังสือกงสุลอเมริกัน และปรากฏว่าเอกสารนั้นมีถึงผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีเป็นภาษาอังกฤษซึ่งมีการแปลย่อ ๆ เป็นภาษาไทย โดยไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดรับรองความถูกต้องทั้งหนังสือที่กล่าวก็เข้ามาสู่ศาลลอย ๆ ไม่มีผู้ใดยืนยันว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันอันแท้จริง อาจจะเป็นเอกสารที่แท้จริงหรือไม่ก็ได้ ถึงแม้จะเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันที่แท้จริงก็มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยต่อไปว่า การกล่าวอ้างว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐที่จำเลยจะไม่ต้องขึ้นศาลไทยมีหลักฐานเป็นจริงเช่นนั้นหรือไม่ ข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นความอย่างใด ที่ศาลล่างทั้ง 2 เชื่อว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกัน และเชื่อข้อเท็จจริงตามหนังสือนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น พิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลล่างทั้ง 2 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อนว่าจำเลยได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยจริงหรือไม่ แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีให้คืนค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้โจทก์เว้นแต่ค่าธรรมเนียมรับอุทธรณ์และรับฎีกา.

Share