แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ซื้อซีเมนต์จากผู้ขายไว้โดยสุจริต ภายหลังปรากฏว่าซีเมนต์รายนี้ถูกคนร้ายลักมาจากผู้อื่น อัยยการได้เป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษคนร้าย ศาลมีคำพิพากษาให้คืนแก่ผู้อื่นซึ่งเป็นเจ้าของ ดังนี้ ผู้ซื้อฟ้องเรียกเงินคืนจากผู้ขายได้ และในกรณีเช่นนี้ คดีอาญาที่อัยยการฟ้องคนร้ายนั้น หาใช่คดีเดิมตามความหมายแห่ง ป.พ.พ.มาตรา 481 ไม่ ผู้ขายจะยกอายุความ 3 เดือนมาตัดฟ้องไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายซีเมนต์ให้โจทก์ ๕๘ ถุง ราคา ๑,๗๔๐ บาท จำเลยรับเงินไปแล้ว ต่อมาปรากฏว่า ซีเมนต์รายนี้ถูกคนร้ายลักมา เดิมเป็นของกรมทหารบก มีคำพิพากษาของศาลให้คืนแก่กรมทหารบก โจทก์เอาซีเมนต์ไว้ไม่ได้ จึงเรียกเงินค่าซีเมนต์จากจำเลยผู้ขาย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ทราบว่าเป็นของร้ายแล้วยังซื้อและว่าคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้น ฟังว่า โจทก์ซื้อซีเมนต์โดยไม่รู้ว่า เป็นของร้าย แต่คดีขาดอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา ๔๘๑ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ เห็นว่า ต้องใช้อายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๖๔ จึงพิพากษากลับให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่า คดีนี้ปรากฏว่า แต่เดิมมีคดีอาญา แต่คดีอาญานี้ หาใช่คดีเดิมตามความหมายแห่งมาตรา ๔๘๑ ไม่ เพราะฉะนั้นจะใช้อายุความ ๓ เดือนไม่ถูก ส่วนมาตรา ๑๔๓, ๒๔๐ นั้นเล่า ก็เป็นเรื่องกำหนดระยะบอกล้างโมฆียกรรมและเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับคดีนี้ จึงพิพากษายืน