แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สาเหตุฆ่ากันเกิดจากจำเลยและผู้ตายขับรถสวนกันต่างไม่ยอมหลีกทางให้แก่กันผู้ตายโกรธจำเลยจึงใช้มีดดาบฟันจำเลยก่อนถูกร่างกายมีบาดแผลสองแห่งจำเลยเจ็บปวดจึงเกิดโทสะอย่างแรงกล้าเมื่อจำเลยแย่งมีดดาบจากผู้ตายได้จึงฟันผู้ตาย3แผลถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยจึงเข้าลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเขงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288ประกอบมาตรา72
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฎิเสธ
ระหว่างพิจารณา เด็กหญิงอารดา ภูทะศิริ บุตรผู้ตาย โดยนางลัดดา แซ่ตั้น มารดาผู้ทนโดยชอบธรรมยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 จำคุก 9 ปี คำรับชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, จำคุก 4 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน
โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288
จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติได้ว่า วันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้ใช้มีดดาบยาวประมาณ1 ศอก ฟันและแทงนายทวิช ภู่ทะศิริ ถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ร่วมและจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สาเหตุฆ่ากันเกิดจากจำเลยและผู้ตายขับรถสวนกันต่างไม่ยอมหลีกทางให้แก่กัน ผู้ตายโกรธจำเลยจึงใช้มีดดาบฟันจำเลยก่อน ถูกร่างกายมีบาดแผลสองแห่ง จำเลยเจ็บปวดจึงเกิดโทสะอย่างแรงกล้า เมื่อจำเลยแย่งมีดดาบจากผู้ตายได้จึงฟันผู้ตาย 3 แผล ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 72ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 69 ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษจำคุกนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรจำคุกจำเลยตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนด ซึ่งเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 ส่วนโทษจำคุกคงให้เป็นไปตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนด