คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยและเป็นส่วนราชการ จำเลยต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่ไม่ควร จำเลยเป็นผู้จัดการโรงพิมพ์ของโจทก์ และจำเลยเป็นผู้เสนอให้โจทก์จัดซื่อเครื่องไสสันทากาวเพื่อใช้ในโรงพิมพ์ ส.ประธานกรรมการบริหารโรงพิมพ์เป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยก็ได้มีคำสั่งให้จำเลยเป็นผู้แนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวจำเลยย่อมต้องให้คำแนะนำและความเห็นโดยสุจริตในทางที่เป็นประโยชน์แก่โรงพิมพ์ที่จำเลยเป็นผู้จัดการอยู่ และเป็นผลดีแก่โจทก์ด้วย การที่จำเลยไม่บอกให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาของโจทก์ทราบว่าเครื่องไสสันทากาวที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เสนอในการประกวดราคาเป็นราคาถึง 490,000 บาท ความจริงห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.เป็นผู้แทนจำหน่ายและขายในราคาเพียง 180,000 บาทเศษเท่านั้น และจำเลยยังบอกแก่ ฆ.ประธานกรรมการเปิดซองประกวดราคาว่าราคาที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เสนอเป็นราคาเหมาะสมอีกดังนี้ นอกจากจะไม่ช่วยให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาได้พิจารณาจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวในทางที่เป็นผลดีแก่โจทก์อันส่อไปในทางไม่สุจริตของจำเลยแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรอีกด้วย นับว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ซึ่งมีต่อโจทก์ หากจำเลยบอกความจริงแก่คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาโจทก์ก็คงไม่ทำสัญญาซื้อเครื่องไสสันทากาวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เพราะราคาที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเสนอสูงกว่าราคาท้องตลาดมาก และเป็นการขัดกับมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้หน่วยราชการซื้อสินค้าผ่านคนกลาง และโจทก์ก็จะไม่ต้องถูกห้างหุ้นส่วนดังกล่าวฟ้องร้องเอาจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี แม้จะไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าจำเลยร่วมทุจริตกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.แต่การกระทำดังกล่าวเป็นผลให้โจทก์เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์และค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์คือค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ต้องเสียไปในการต่อสู้คดีกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ส่วนดอกเบี้ยจากต้นเงินค่าเครื่องไสสันทากาวที่โจทก์ได้จ่ายให้บริษัท บ.ตามคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นดอกเบี้ยที่ต้องชำระดังกล่าวก็เฉพาะในระยะเวลาที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระต้นเงินซึ่งโจทก์ก็ได้รับประโยชน์จากเงินดังกล่าวอยู่ โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายในส่วนนี้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งผู้จัดการโรงพิมพ์ จงใจปฏิบัติหน้าที่โดยผิดกฎหมายทั้งนี้โดยเจตนาทุจริตที่จะช่วยเหลือให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด เบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่ขายเครื่องไสสันทากาวได้ราคาสูง เป็นการละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ต้องบอกล้างนิติกรรมที่ทำไว้ต่อกัน และงดจ่ายเงินค่าของตามสัญญา ห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวจึงฟ้องโจทก์ คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินจำนวน ๑๘๐,๗๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยโจทก์ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีกับห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น ๑๑๐,๔๘๗ บาท ๔๘ สตางค์ ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และว่าจำเลยไม่เคยรายงานต่อกรรมการเปิดซองประกวดราคาว่าราคาที่ผู้เสนอราคาทั้งสามได้เสนอมานั้นเหมาะสมแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ การที่โจทก์แพ้คดีห้างหุ้นส่วนจำกัดเบส เคมีเกิลแอนด์ แมชชินเนอรี่ตามคำพิพากษาศาลฎีกาก็เพราะโจทก์ผิดสัญญาเอง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างและผู้จัดการโรงพิมพ์ของโจทก์ได้ขออนุมัติซื้อเครื่องไสสันทากาวต่อคณะกรรมการบริหารโรงพิมพ์คณะกรรมการบริหารโรงพิมพ์เห็นชอบด้วย โจทก์จึงอนุมัติให้ซื้อได้ โดยได้มีการประกาศเรียกประกวดราคากำหนดรายละเอียดของเครื่องไสสันทากาวที่จะซื้อพร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการรับของประกวดราคา คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาและคณะกรรมการตรวจรับของขึ้น มีผู้ยื่นซองประกวดราคา ๓ ราย คือบริษัทอิสต์เอเชียติ๊ก จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัดเบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่ และห้างหุ้นส่วนจำกัดลำพูนไชย คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาได้ตรวจสอบเครื่องไสสันทากาวและราคาของผู้เสนอโดยได้มีการสอบถามราคาในตลาดแล้วได้มีมติให้ซื้อจากห้างหุ้นส่วนจำกัด เบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่ ในราคา ๔๙๐,๐๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ก็ได้ทำสัญญาซื้อขาย และผู้ขายได้ส่งมอบเครื่องจักรดังกล่าวให้โจทก์แล้ว ระหว่างการพิจารณาจ่ายเงินให้ผู้ขาย มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อเครื่องจักรดังกล่าว โจทก์จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวน ได้ความว่าจำเลยกำหนดลักษณะพิเศษของเครื่องไสสันทากาวให้ตรงกับเครื่องจักรที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดเบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่ เสนอขาย และจำเลยปกปิดไม่แจ้งให้โจทก์ทราบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดขาตภัณฑ์เป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องจักรที่ซื้อแต่ผู้เดียวในประเทศไทยและมีราคาในท้องตลาดเพียง ๑๘๐,๗๐๐ บาท ซึ่งเป็นการฉ้อฉลโจทก์ให้เข้าทำสัญญา โจทก์จึงบอกล้างนิติกรรมซื้อขายและงดจ่ายราคาแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่ เป็นเหตุให้โจทก์ถูกห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวฟ้องให้ชำระราคาตามสัญญาซื้อขาย ซึ่งศาลฎีกาให้โจทก์ชำระราคา ๑๘๐,๗๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๕๙/๒๕๒๔ และโจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีดังกล่าวด้วย แล้ววินิจฉัยว่าจำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยและเป็นส่วนราชการ จำเลยต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่ไม่ควรจำเลยเป็นผู้จัดการโรงพิมพ์ของโจทก์ และจำเลยเป็นผู้เสนอให้โจทก์จัดซื้อเครื่องไสสันทากาวเพื่อใช้ในโรงพิมพ์ นายสุขุมประธานกรรมการบริหารโรงพิมพ์ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลย ก็ได้มีคำสั่งให้จำเลยเป็นผู้แนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดซื้อเครื่องไสสันทากาว จำเลยย่อมต้องให้คำแนะนำและความเห็นโดยสุจริตในทางที่เป็นประโยชน์แก่โรงพิมพ์ที่จำเลยเป็นผู้จัดการอยู่ และเป็นผลดีแก่โจทก์ด้วยการที่จำเลยไม่บอกให้คณะให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาของโจทก์ทราบว่าเครื่องไสสันทากาวที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่เสนอในการประกวดราคาเป็นราคาถึง ๔๙๐,๐๐๐บาทนั้น ความจริงห้างหุ้นส่วนจำกัดชาตภัณฑ์เป็นผู้แทนจำหน่ายและขายในราคาเพียง ๑๘๐,๐๐๐ บาทเศษเท่านั้น และจำเลยยังบอกแก่นายโฆสิตประธานกรรมการเปิดซองประกวดราคาว่า ราคาที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่ เสนอเป็นราคาเหมาะสมอีกดังนี้ นอกจากจะไม่ช่วยให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาได้พิจารณาจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวในทางที่เป็นผลดีแก่โจทก์อันส่อไปในทางไม่สุจริตของจำเลยแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่ได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรอีกด้วย นับว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ซึ่งมีต่อโจทก์ หากจำเลยบอกความจริงแก่คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคา โจทก์ก็คงไม่ทำสัญญาซื้อเครื่องไสสันทากาวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด เบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่ เพราะราคาที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเสนอสูงกว่าราคาท้องตลาดมาก และเป็นการขัดกับมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้หน่วยราชการซื้อสินค้าผ่านคนกลาง และโจทก์ก็จะไม่ต้องถูกห้างหุ้นส่วนดังกล่าวฟ้องร้องเอาจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแม้จะไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าจำเลยร่วมทุจริตกับห้างหุ้นส่วนจำกัด เบส เคมีเกิล แอนด์ แมชชินเนอรี่ แต่การกระทำดังกล่าวเป็นผลให้โจทก์เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เป็นจำนวนเท่าใดในปัญหานี้ฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบโดยฝ่ายจำเลยมิได้โต้แย้งว่าโจทก์ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมในการต่อสู้คดีปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๓๔ ถึง จ.๓๗ รวมเป็นเงิน ๔๙,๐๐๐ บาท โดยโจทก์ไม่ได้รับการชดใช้เลยจำเลยจึงต้องชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑๘๐,๗๐๐ บาท ให้แก่โจทก์ด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าต้นเงินจำนวนดังกล่าวโจทก์จะต้องจ่ายตามสัญญาซื้อขายอยู่แล้ว หากมีการชำระเงินจำนวนนั้นตั้งแต่แรกก็ไม่มีค่าดอกเบี้ยที่จะต้องชำระต่อกัน ดอกเบี้ยที่โจทก์ต้องชำระก็เฉพาะในระยะเวลาที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระต้นเงิน ในระยะเวลาที่โจทก์ยังไม่ชำระต้นเงินให้ผู้ขายนั้นโจทก์ก็ได้รับประโยชน์จากเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ ซึ่งอาจจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งด้วยซ้ำ โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายในส่วนนี้ที่จะเรียกให้จำเลยชำระได้
พิพากษากลับ ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ๔๙,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย

Share