คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการในมูลหนี้ค่าบริการ 23 ลำดับ รวมเป็นเงิน 213,167,728.24 บาท เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ 213,167,728.23 บาท โดยให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับ 6 ต้นเงิน 16,391,865 บาท และอันดับที่ 21 ต้นเงิน 686,153.71 บาท ผู้ทำแผนยื่นคำร้องว่า เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ 6 และอันดับที่ 21 ทั้งเจ้าหนี้ยังต้องชำระค่าปรับให้แก่ลูกหนี้เนื่องจากเจ้าหนี้ผิดสัญญา กรณีจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของเจ้าหนี้โดยตรง การที่ศาลล้มละลายกลางตรวจคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้นัดพิจารณาคำร้องและให้ส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยที่มิได้มีคำสั่งให้ส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องให้แก่เจ้าหนี้ หลังจากนั้นศาลล้มละลายกลางได้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยสืบพยานเฉพาะระหว่างผู้ทำแผนและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น จึงเป็นการที่มิได้ดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมายในอันที่จะคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่เกี่ยวข้องให้มีโอกาสในการที่จะโต้แย้งดูแลและดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิของตน การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลล้มละลายกลางจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยเที่ยงธรรม ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบ มาตรา 246 มาตรา 247 (เดิม) และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 28 คดีมีเหตุอันสมควรที่จะยกคำสั่งศาลล้มละลายกลางและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาเสียให้ถูกต้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งผู้บริหารเดิมของลูกหนี้เป็นผู้บริหารชั่วคราว เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ต่อมามีคำสั่งตั้งบริษัท พี แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 และมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนโดยมีผู้ทำแผนเป็นผู้บริหารแผนเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2553
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าบริการเป็นเงิน 226,585,973.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.25 ต่อปี จากต้นเงิน 211,966,014.60 บาท นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะชำระเสร็จ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้บรรดาเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/29 แล้ว ผู้ทำแผนโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ว่า มูลหนี้อันดับที่ 3 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 21 ยังไม่มีการตรวจสอบการทำงานและออกใบตรวจรับรองการส่งมอบงาน การชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไม่สมบูรณ์ตรงตามสัญญา เจ้าหนี้จึงยังไม่มีสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ดังกล่าว และบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 48 โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ว่า การมอบอำนาจไม่ถูกต้อง หนี้ขาดอายุความ และมูลหนี้ค่าอุปกรณ์และค่าบริการไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่ามีการซื้อขายหรือให้บริการตามที่กล่าวอ้าง เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ ต่อมาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 เจ้าหนี้ได้ยื่นคำร้องขอลดยอดหนี้คงเหลือเป็นต้นเงิน 199,473,219.02 บาท และดอกเบี้ย 14,617,815.46 บาท รวมเป็นเงิน 214,091,034.48 บาท และเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 เจ้าหนี้ได้ยื่นคำร้องขอลดยอดหนี้เฉพาะส่วนดอกเบี้ยคงเหลือจำนวน 13,694,509.22 บาท ส่วนต้นเงินให้คงเดิม รวมเป็นจำนวนเงินที่ขอรับชำระหนี้ทั้งสิ้น 213,167,728.24 บาท
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าบริการเป็นเงิน 213,167,728.23 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.25 ต่อปี จากต้นเงิน 199,473,219.01 บาท นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะชำระเสร็จตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/32 วรรคสอง(3) ส่วนที่ขอเกินมาให้ยกเสีย โดยในคำสั่งดังกล่าวได้อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ 6 ต้นเงิน 16,391,865 บาท และอันดับที่ 21 ต้นเงิน 686,153.71 บาท ในส่วนดอกเบี้ยนั้นได้อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จำนวน 13,694,509.22 บาท ตามที่เจ้าหนี้ได้ขอรับชำระหนี้มา
ผู้ทำแผนยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ 6 และอันดับที่ 21 และพิพากษาให้เจ้าหนี้ชำระค่าปรับแก่ลูกหนี้ พร้อมกับมีคำสั่งให้ลดคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ทั้งในส่วนต้นเงินและดอกเบี้ย
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้มีคำสั่งยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องและให้ผู้ทำแผนใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ส่วนค่าทนายความของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น เนื่องจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินคดีเองจึงไม่กำหนดให้
ผู้บริหารแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ในคดีนี้ เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการในมูลหนี้ค่าบริการ 23 ลำดับ รวมเป็นเงิน 213,167,728.24 บาท เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว มีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ 213,167,728.23 บาท โดยให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ 6 ต้นเงิน 16,391,865 บาท และอันดับที่ 21 ต้นเงิน 686,153.71 บาท กับให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ดอกเบี้ย 13,694,509.22 บาท ผู้ทำแผนได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 27 กันยายน 2554 ว่าเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ 6 และอันดับที่ 21 ทั้งเจ้าหนี้ยังต้องชำระค่าปรับให้แก่ลูกหนี้เนื่องจากเจ้าหนี้ผิดสัญญา กรณีจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของเจ้าหนี้โดยตรง การที่ศาลล้มละลายกลางได้ตรวจคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้นัดพิจารณาคำร้องและให้ส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยที่มิได้มีคำสั่งให้ส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องให้แก่เจ้าหนี้รายนี้แต่อย่างใด และหลังจากนั้นศาลล้มละลายกลางก็ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยสืบพยานเฉพาะระหว่างผู้ทำแผนและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น กรณีจึงเป็นการที่มิได้ดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมายในอันจะคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่เกี่ยวข้องให้มีโอกาสในการที่จะโต้แย้งดูแลและดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิของตน การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลล้มละลายกลางจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยเที่ยงธรรม ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบ มาตรา 246 มาตรา 247 (เดิม) และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 28 คดีมีเหตุอันสมควรที่จะยกคำสั่งศาลล้มละลายกลางและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาเสียให้ถูกต้อง กรณีไม่จำต้องพิจารณาอุทธรณ์ข้ออื่นของผู้บริหารแผน
พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลล้มละลายกลางลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 และกระบวนพิจารณาของศาลล้มละลายกลางนับแต่วันรับคำร้องคัดค้าน แล้วให้ศาลล้มละลายกลางดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาคำร้องให้แก่เจ้าหนี้ พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาให้เจ้าหนี้ยื่นคำคัดค้านแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share