แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่ามีผู้ร้องสอดอ้างว่าเช่าห้องจากจำเลยข้อต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ให้เช่า จำเลยเช่าจากเจ้าของจำเลยขาดนัดให้การและพิจารณาดังนี้ผู้ร้องสอดใช้สิทธินอกเหนือไปจากจำเลยไม่ได้ ศาลยกคำร้องสอด
ย่อยาว
ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยผู้เช่าในคดีที่จำเลยขาดนัดให้การและขาดนัดพิจารณา ระหว่างที่คดีอยู่ในชั้นส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลย ผู้ร้องร้องขอเป็นจำเลยร่วม อ้างว่าเช่าจากจำเลย โจทก์ไม่ใช่เจ้าของ ไม่ใช่ผู้ให้เช่าจำเลยเช่าจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นเจ้าของ ศาลชั้นต้นยกคำร้องสอด ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องเช่าห้องพิพาทจากจำเลยอันเป็นการอาศัยสิทธิของจำเลย หากศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากห้องพิพาท ผู้ร้องอาจต้องออกไปจากห้องพิพาทในฐานะเป็นบริวารของจำเลยก็ได้ ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในผลแห่งคดี และเป็นการร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2) ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 58 วรรคสองห้ามมิให้ผู้ร้องสอดที่ได้เป็นคู่ความตามมาตรา 57(2) ใช้สิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่มีอยู่แก่คู่ความฝ่ายซึ่งตนเข้าเป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วม และห้ามไม่ให้ใช้สิทธิในทางที่ขัดกันกับสิทธิของโจทก์หรือจำเลยเดิม ดังนั้นเมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีและศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้ว ข้ออ้างของผู้ร้องตามที่ระบุในคำร้องอาจจะเป็นการใช้สิทธิในทางที่ขัดกับสิทธิของจำเลยที่ไม่ประสงค์จะต่อสู้คดีก็ได้ ทั้งการร้องสอดขอเข้าเป็นคู่ความอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ