แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กฎกระทรวงฉบับที่ 28 (พ.ศ. 2504) ข้อ 4 ที่ออกตามความในมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พุทธศักราช 2473 มีความว่าในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี ให้กำหนดจำนวนรถยนต์รับจ้างสามล้อบรรทุกคนโดยสารแบบใช้เพลาที่จะจดทะเบียนได้ไม่เกิน 8,000 คันนั้น มีเจตนารมณ์ที่จะจำกัดจำนวนรถยนต์รับจ้างสามล้อบรรทุกคนโดยสารโดยให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อบรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกิน 8,000 คันจะรับจดทะเบียนเกินกว่านี้ไม่ได้ หาได้หมายความว่าถ้ายังจดทะเบียนไม่ครบจำนวนดังกล่าวแล้ว หากมีผู้มาขอจดทะเบียนอีกก็จะต้องรับจดทะเบียนให้จนครบจำนวนดังกล่าวไม่ เพราะอยู่ในดุลพินิจของนายทะเบียนที่จะเห็นสมควรตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้โดยสารผู้ใช้ถนนสัญจรไปมา และความสะดวกในการจราจร
คณะกรรมการพิจารณาปัญหารถผิดกฎหมายและการประกอบการรถยนต์รับจ้างของ กระทรวงมหาดไทย เคยมีมติว่า ไม่ควรเพิ่มโควต้าป้ายทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะรัฐมนตรีที่จะให้จำนวนรถยนต์รับจ้างสามล้อในกรุงเทพมหานครค่อย ๆ ลดลงไปตามลักษณะและการสิ้นสภาพของรถ ทั้งหลังจากโจทก์ฟ้องคดีแล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยังได้ออกกฎกระทรวงฉบับที่ 27 (พ.ศ. 2530) โดยอาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 5 (12) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ข้อ 2 ให้งดรับจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อในเขตกรุงเทพมหานคร แสดงให้เห็นนโยบายของรัฐบาลว่านอกจากจะจำกัดจำนวนรถยนต์รับจ้างสามล้อในกรุงเทพมหานครแล้วยังต้องการให้ลดจำนวนลงไปตามลักษณะการสิ้นสภาพของรถด้วยดังนั้น การที่จำเลยใช้ดุลพินิจไม่รับจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อบรรทุกคนโดยสารแบบใช้เพลาให้โจทก์ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบเพื่อสนองนโยบายของ รัฐบาล ถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดต่อกฎกระทรวง ฉบับที่ 28 (พ.ศ. 2504) ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นกรมสังกัดกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ควบคุมดูแลและรับจดทะเบียนรถประเภทต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรจำเลยที่ ๒ เป็นนายทะเบียนยานพาหนะทั่วราชอาณาจักร จำเลยที่ ๓ เป็นนายทะเบียนประจำกรุงเทพมหานคร มีหน้าที่รับจดทะเบียนรถประเภทต่าง ๆ ในท้องที่กรุงเทพมหานคร โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนรถยนต์สามล้อรับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน ๗ คน แบบใช้เพลาจำนวน ๕๑๙ คันต่อจำเลยที่ ๓ แต่จำเลยที่ ๓ ไม่รับจดทะเบียนให้ การกระทำของจำเลยทั้งสามไม่ชอบด้วยกฎกระทรวงฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๐๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พุทธศักราช ๒๔๗๓ ข้อ ๔ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันรับจดทะเบียนรถยนต์สามล้อรับจ้างดังกล่าวให้โจทก์ภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา หากจำเลยทั้งสามไม่ยอมจดทะเบียนภายในกำหนด ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน
ก่อนจำเลยทั้งสามยื่นคำให้การ โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๑ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ให้การว่า กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๐๔) กำหนดให้รถยนต์สามล้อรับจ้างบรรทุกคนโดยสารแบบใช้เพลาที่จะจดทะเบียนได้ไม่เกิน ๘,๐๐๐ คัน ขณะนี้นายทะเบียนประจำกรุงเทพมหานครรับจดทะเบียนไปแล้ว ๗,๔๐๖ คัน โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนรถยนต์สามล้อรับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน ๗ คน แบบใช้เพลาจำนวน ๕๑๙ คันต่อจำเลยที่ ๓ ต่อมาจำเลยที่ ๒ ออกคำสั่งแจ้งจำเลยที่ ๓ ว่า ไม่อาจรับจดทะเบียนรถยนต์สามล้อจำนวนดังกล่าวได้ ตามมติของคณะกรรมการพิจารณาปัญหารถผิดกฎหมายและการประกอบการรถยนต์รับจ้างและมติของรัฐมนตรี อันเป็นการกระทำตามนโยบายของรัฐบาล จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๐๔) ลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๐๔ ข้อ ๔ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๘ แห่ง พ.ร.บ.รถยนต์พุทธศักราช ๒๔๗๓ ซึ่งมีความว่า ในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีให้กำหนดจำนวนรถยนต์รับจ้างสามล้อบรรทุกคนโดยสารแบบใช้เพลาที่จดทะเบียนได้ไม่เกิน ๘,๐๐๐ คัน โดยให้เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ไว้ว่า เนื่องจากจำนวนรถยนต์ที่ใช้อยู่ในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีมีจำนวนมากขึ้น จึงสมควรกำหนดจำนวนรถยนต์รับจ้างสามล้อบรรทุกคนโดยสารแบบใช้เพลาเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจร ซึ่งทำให้เห็นเจตนารมณ์ได้ว่าต้องการจำกัดจำนวนรถยนต์รับจ้างสามล้อบรรทุกคนโดยสารโดยให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อบรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกิน ๘,๐๐๐ คัน จะรับจดทะเบียนเกินกว่านี้ไม่ได้เท่านั้น หาได้หมายความว่า ถ้ายังรับจดทะเบียนไม่ครบจำนวน ๘,๐๐๐ คันแล้ว หากมีผู้มาขอจดทะเบียนอีกก็จะต้องรับจดทะเบียนให้จนครบจำนวนดังกล่าว เพราะอยู่ในดุลพินิจของนายทะเบียนที่จะเห็นสมควรตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้โดยสารผู้ใช้ถนนสัญจรไปมาและความสะดวกในการจราจร ยิ่งกว่านี้คณะกรรมการพิจารณาปัญหารถผิดกฎหมายและการประกอบการรถยนต์รับจ้างของกระทรวงมหาดไทยยังได้เคยมีมติเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๒๗ ตามเอกสารหมาย ล.๘ หน้า ๑๘ ด้วยว่า ไม่ควรเพิ่มโควต้าป้ายทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้ออีก ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ ที่จะให้จำนวนรถยนต์รับจ้างสามล้อในกรุงเทพมหานครค่อย ๆ ลดลงไปตามลักษณะและการสิ้นสภาพของรถและให้รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ๆ ในเรื่องนี้ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย นอกจากนี้หลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยังได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๗ (พ.ศ. ๒๕๓๐) โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ (๑๒) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๐ ข้อ ๒ ให้งดรับจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อในเขตกรุงเทพมหานครอีกด้วย จึงยิ่งแสดงให้เห็นความมุ่งหมายของรัฐบาลที่มีนโยบายว่า นอกจากจะจำกัดจำนวนรถยนต์รับจ้างสามล้อในกรุงเทพมหานครแล้วยังต้องการให้ลดจำนวนลงไปตามลักษณะการสิ้นสภาพของรถด้วย การที่จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ใช้ดุลพินิจไม่รับจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อบรรทุกคนโดยสารแบบใช้เพลาจำนวน ๕๑๙ คันให้โจทก์ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลและถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดต่อกฎกระทรวงฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๐๔) การกระทำของจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ จึงฟังไม่ได้ ว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ฉะนั้นจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ จึงไม่จำต้องรับจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างสามล้อให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
พิพากษายืน.