คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297เป็นเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา295ต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะผลที่เกิดจากการกระทำโดยที่ผู้กระทำไม่จำต้องมีเจตนาต่อผลที่ทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้นตัวการที่ร่วมทำร้ายผู้อื่นแม้จะไม่มีเจตนาให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัสหรือมิได้เป็นผู้ลงมือกระทำให้เกิดผลขึ้นก็ต้องรับผิดในผลนั้นด้วยในระหว่างที่จำเลยทั้งสามรุมชกต่อยผู้เสียหายจำเลยที่1ใช้มีดคัดเตอร์กรีดใบหน้าผู้เสียหายเป็นแผลเสียโฉมติดตัวจำเลยที่2และที่3ต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297(4)ด้วยแต่ศาลลงโทษน้อยกว่าจำเลยที่1ผู้เป็นต้นเหตุ. (ประชุมใหญ่ครั้งที่12/2528)

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย กับ พวก ได้ ร่วมกัน ทำร้าย นาย วิเชียร และนาย สมัครพงษ์ โดย ร่วมกัน เตะ ต่อย ถีบ แล้ว จำเลย ที่ 1 ได้ ใช้มีด ตัด กระดาษ (มีด คัตเตอร์) ตวัด กรีด ใบหน้า นาย วิเชียร บริเวณแก้มซ้าย จาก ชายผม จรด คาง แผล ลึก ถึง กระดูก ยาว 9 นิ้วฟุต เป็นเหตุ ให้ นาย วิเชียร ได้ รับ อันตราย สาหัส หน้า เสียโฉม อย่าง ติดตัวขอ ให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(4), 83 ริบ มีด ของกลาง
จำเลย ทั้ง สาม ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(4) จำคุก คนละ 3 ปี ริบ มีด ของกลาง
จำเลย ทั้ง สาม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา กลับ ให้ ยกฟ้อง
โจทก์ ฎีกา ขอ ให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สาม ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น รุมชก ต่อย ผู้เสียหาย ทั้ง สอง จำเลย ที่ 1 ได้ ดึง มีด ตัด กระดาษ จากกระเป๋า หลัง และ ใช้ ทำร้าย นาย วิเชียร จน เป็น เหตุ ให้ นาย วิเชียรได้ รับ อันตราย สาหัส หน้า เสียโฉม ติดตัว ปัญหา มี ว่า จำเลย ที่2 ที่ 3 จะ มี ความผิด ฐาน เป็น ตัวการ ร่วมกัน กระทำ ผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(4), 83 หรือไม่ ศาลฎีกา โดย มติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ความผิด ฐาน ทำร้าย ร่างกาย ผู้อื่น จน เป็น เหตุให้ ได้ รับ อันตราย สาหัส ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 เป็น เหตุที่ ทำ ให้ ผู้ กระทำ ความผิด ฐาน ทำร้าย ร่างกาย ตาม มาตรา 295 ต้องรับ โทษ หนัก ขึ้น เพราะ ผล ที่ เกิดจาก การ กระทำ โดย ที่ ผู้ กระทำไม่ จำต้อง มี เจตนา ต่อ ผล ที่ ทำ ให้ ต้อง รับ โทษ หนัก ขึ้น ดังนั้นใน กรณี ที่ เป็น ตัวการ ร่วมกัน ทำร้าย ร่างกาย ผู้อื่น แม้ ผู้ ที่เป็น ตัวการ ร่วม กระทำ ผิด จะ ไม่ มี เจตนา ให้ ผู้อื่น ได้ รับอันตราย สาหัส หรือ มิได้ เป็น ผู้ ที่ ลงมือ กระทำ ให้ เกิดผล ขึ้นผู้ ร่วม กระทำ ผิด ทุกคน ต้อง รับผิด ใน ผล ที่ เกิดขึ้น นั้น ด้วยเมื่อ ข้อเท็จจริง ได้ ความ ว่า จำเลย ที่ 2 ที่ 3 ได้ ร่วม กับ จำเลยที่ 1 ทำร้าย ร่างกาย ผู้เสียหาย แม้ จำเลย ที่ 1 แต่ เพียง ผู้เดียวเป็น ผู้ ที่ ใช้ มีด ตัด กระดาษ กรีด หน้า ผู้เสียหาย และ จำเลย ที่2 ที่ 3 ไม่ มี เจตนา ให้ ผู้เสียหาย ได้ รับ อันตราย สาหัส คง มีเจตนา ร่วม ทำร้าย ร่างกาย ผู้เสียหาย เท่านั้น จำเลย ที่ 2 ที่ 3ก็ ต้อง รับผิด ใน ผล ที่ เกิดขึ้น จาก การ กระทำ ของ จำเลย ที่ 1ด้วย ถือ ได้ ว่า จำเลย ที่ 2 ที่ 3 เป็น ตัวการ ร่วมกัน ทำร้ายผู้เสียหาย จน เป็น เหตุ ให้ ได้ รับ อันตราย สาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(4), 83 แล้ว แต่ เมื่อ พิเคราะห์ ถึงพฤติการณ์ ของ การ กระทำ ความผิด แล้ว เห็น สมควร กำหนด โทษ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ลดหลั่น จาก จำเลย ที่ 1 ผู้ เป็น ต้นเหตุ
พิพากษา กลับ จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา297(4), 83 ให้ ลงโทษ จำคุก จำเลย ที่ 1 มี กำหนด 3 ปี สำหรับ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้ ลงโทษ จำคุก คนละ 1 ปี ริบ มีด ของกลาง

Share