คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3121/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่าโครงนั่งร้านและวัสดุที่ประกอบเป็นโครงนั่งร้าน จึงเป็นบุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าทรัพย์สิน การฟ้องเกี่ยวกับค่าเช่าทรัพย์สินดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(6)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์และจำเลยต่างเป็นนิติบุคคลโจทก์มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่าโครงนั่งร้านและวัสดุที่ใช้ประกอบเป็นโครงนั่งร้าน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2523 จำเลยเช่าโครงนั่งร้านและวัสดุที่ใช้ประกอบเป็นโครงนั่งร้านไปจากโจทก์เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารโรงแรมบางกอกฮิลตัน ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโรงแรมบางกอกพาเลซ โดยตกลงกันว่าหากทรัพย์สินที่เช่าได้รับความเสียหายอันเป็นผลจากการใช้งานของจำเลยหรือในการคืนทรัพย์ที่เช่าไม่ครบตามจำนวน จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามความเป็นจริง เมื่อครบกำหนดการเช่าของแต่ละเดือนโจทก์จะส่งใบแจ้งหนี้ไปเรียกเก็บเงินค่าเช่าจากจำเลยโดยคิดค่าเช่าตามระยะเวลาเช่าและจำนวนทรัพย์สินที่เช่า ในระยะแรกจำเลยชำระค่าเช่าให้โจทก์ด้วยดี นับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2524 เป็นต้นไปจำเลยไม่ยอมชำระให้ เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินตามกำหนด โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีของเงินค่าเช่าที่ค้างชำระแต่ละงวดนับจากวันครบกำหนดชำระแต่ละงวดถึงวันฟ้อง รวมค่าเช่าพร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 293,164.41 บาท สำหรับทรัพย์สินซึ่งจำเลยเช่าไปจากโจทก์นั้นรายการใดไม่จำเป็นต้องใช้เป็นจำนวนเท่าไร จำเลยต้องทยอยส่งคืนให้โจทก์ ดังนั้น ส่วนที่ยังไม่คืนโจทก์จึงคิดเงินค่าเช่าเอากับจำเลยตามกำหนดเวลาและจำนวนทรัพย์สินที่เช่า จำเลยได้ทยอยส่งคืนให้โจทก์รวม 17 ครั้ง ครั้งสุดท้ายส่งคืนให้โจทก์เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2525 แต่ไม่ครบจำนวนตามที่ได้รับไปจากโจทก์ โครงนั่งร้านบางรายการสูญหายและชำรุดเสียหายไปหลายชิ้นจำเลยต้องรับผิดสำหรับทรัพย์สินที่สูญหายโดยโจทก์คิดค่าเสียหายแทนในอัตราร้อยละ 90 ของราคาทรัพย์สินที่สูญหายรวม 10 รายการ เป็นเงิน41,549.40 บาท ส่วนทรัพย์สินที่ชำรุดเสียหายจำเลยต้องเสียค่าซ่อมแซมให้โจทก์รวม 9 รายการ เป็นเงิน 5,381 บาท และสำหรับทรัพย์สินที่ชำรุดเสียหายจนไม่อาจซ่อมแซมให้ใช้งานได้ดีอย่างเดิมโจทก์คิดค่าทดแทนในอัตราร้อยละ 90 ของราคาทรัพย์สินที่ชำรุดเสียหายนั้นรวม 8 รายการ เป็นเงิน 6,120.90 บาท และต้องรวมค่าขนส่งที่โจทก์ต้องไปรับทรัพย์สินคืนจากจำเลยรวม 6 ครั้ง เป็นเงิน7,800 บาท รวมค่าทรัพย์สินสูญหายชำรุดเสียหายและค่าขนส่งจำนวน60,851.30 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวนดังกล่าว นับจากวันที่ 15 มีนาคม 2525 ถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย 1,137,84 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 61,989.14 บาทโจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน293,164.41 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีของเงินจำนวน 260,664.10 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 61,989.14 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวน 60,851.30 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้ค่าเช่าทรัพย์สินของโจทก์ตามฟ้อง ทรัพย์สินของโจทก์ไม่สูญหาย ส่วนการชำรุดเสียหายหากมีก็เป็นความผิดของโจทก์เอง ได้ตกลงกันให้โจทก์มีหน้าที่ขนส่งทรัพย์สินที่เช่ากลับคืนจำเลยไม่ต้องรับผิดเสียค่าขนส่งให้โจทก์ โจทก์กำหนดค่าเสียหายไว้สูงเกินส่วน และตัดฟ้องว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 337,765.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาเป็นข้อสุดท้ายว่า โจทก์มิใช่บุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าทรัพย์สินต้องใช้อายุความ 6 เดือนคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว นั้น เห็นว่า โจทก์กล่าวในฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์ในการให้เช่าโครงนั่งร้านและวัสดุที่ประกอบเป็นโครงนั่งร้านได้ความว่าโจทก์เป็นบริษัทจำกัดจริงและได้จดทะเบียนวัตถุประสงค์ในการให้เช่าไว้ด้วยตามเอกสารหมาย จ.1ข้อ 3(5) โจทก์จึงเป็นบุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าทรัพย์สินดังนี้ สำหรับค่าเช่าตามฟ้องต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(6) ซึ่งบัญญัติว่า บุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์เรียกเอาค่าเช่าได้ภายในอายุความ 2 ปี หาใช่ภายในกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่ส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าดังจำเลยฎีกาไม่ส่วนค่าเสียหายและค่าขนส่งทรัพย์สินที่เช่าคืน แม้จะใช้อายุความ6 เดือนนับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 ก็ปรากฏว่าโจทก์ได้รับมอบทรัพย์สินที่เช่าคืนครั้งสุดท้ายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2525 ตามเอกสารหมาย จ.24 แผ่นสุดท้าย โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 15 มิถุนายน 2525จึงยังไม่พ้นกำหนด 6 เดือน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน

Share