คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินและบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ได้ให้จำเลยอยู่อาศัย และมีคำขอท้ายฟ้องให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ให้ส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ ทั้งได้ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกด้วย ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ก็ย่อมมีความหมายว่าจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆของจำเลยที่อยู่ในที่พิพาทจำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่พิพาทด้วยดังนั้น เมื่อบ้านเป็นของจำเลย การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านดังกล่าวออกไปจากที่พิพาทจึงไม่เป็นการพิพากษาเกินกว่าคำขอหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องแต่ประการใด.

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและบ้านซึ่งปลูกบนที่ดินดังกล่าว และส่งมอบคืนแก่โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่ดินเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับมารดาจำเลยโจทก์กับมารดาจำเลยได้แบ่งที่ดินดังกล่าวออกเป็นแปลง ๆ แล้วยกให้บุตรทุกคนปลูกบ้าน บ้านพิพาทเป็นของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินดังกล่าว ห้ามจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ และขอให้จำเลยส่งมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ ทั้งได้ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกต่อไป การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทและห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องด้วย เช่นนี้ย่อมหมายความว่าจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทอีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยซึ่งอยู่ในที่ดินพิพาท จำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่ดินพิพาทด้วดังนั้นคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยรื้อถอนบ้านดังกล่าวออกไปจากที่ดินพิพาท จึงหาเป็นการเกินกว่าคำขอหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share