คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การขนเมทแอมเฟตามีนจำนวนมาก ผู้ขนจะต้องกระทำเป็นความลับไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็น เพราะความลับอาจรั่วไหลและถูกจับกุมได้การที่จำเลยที่ 2 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ต้นโดยเป็นผู้ขับรถยนต์ให้นั้นหากจำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้ว จำเลยที่ 1 คงจะไม่ให้ร่วมเดินทางมาในยามวิกาลเช่นนั้น ทั้งก่อนจับกุมผู้ร่วมจับกุมสืบทราบหมายเลขทะเบียนของรถยนต์กระบะที่จะใช้เป็นพาหนะขนเมทแอมเฟตามีนล่วงหน้าแล้ว นอกจากนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์กระบะมาถึงด่านสกัดของเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยที่ 2 ได้เลี้ยวรถเพื่อหลบการตรวจค้นของเจ้าพนักงานตำรวจ จนรถยนต์ของเจ้าพนักงานตำรวจไล่ตามทันและจับกุมได้ พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6, 11, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 106 ทวิ,116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 83 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 62 วรรคหนึ่ง,89, 106 ทวิ เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 10 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์

อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 ทำความเห็นแย้ง ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,89 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 (ที่ถูกมาตรา 15 วรรคหนึ่ง,67) เป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2539 เวลา 4 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 1.053 กรัม เป็นของกลาง คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ โจทก์มีนายดาบตำรวจโสภณ อ่อนเงิน นายดาบ ตำรวจอารมณ์ เทียนนาค และพันตำรวจโทอภิชาติ ปิณฑะคุปต์ ผู้ร่วมจับกุมจำเลยเบิกความว่า ก่อนจับกุมจำเลยทั้งสองสืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนเมทแอมเฟตามีนมาตามเส้นทางถนนสายโคกสำโรง – ชัยบาดาล พยานผู้ร่วมจับกุมได้ขับรถยนต์ลาดตระเวนไปตามถนนสายดังกล่าวจนพบรถยนต์กระบะ ตรงกับที่ได้รับแจ้งขับจากอำเภอโคกสำโรงมุ่งหน้าไปอำเภอชัยบาดาล จึงได้ขับรถไล่ติดตามไปจนทันที่บริเวณหมู่ที่ 8 ตำบลม่วงค่อม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 150 เม็ด เห็นว่า การขนเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ด นับว่าเป็นจำนวนมาก ผู้ขนจะต้องกระทำเป็นความลับ ไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็น เพราะความลับอาจรั่วไหลและถูกจับกุมได้ การที่จำเลยที่ 2 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ต้นโดยเป็นผู้ขับรถยนต์ให้นั้น หากจำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้ว จำเลยที่ 1 คงจะไม่ให้ร่วมเดินทางมาในยามวิกาลเช่นนั้น ทั้งก่อนจับกุมก็ได้ความตามทางนำสืบว่า ผู้ร่วมจับกุมสืบทราบมาก่อนแล้วว่าจะมีการใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะขนเมทแอมเฟตามีน นอกจากนั้นคดียังได้ความอีกว่าเมื่อจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์กระบะมาถึงสี่แยกม่วงค่อมมีด่านสกัดของเจ้าพนักงานตำรวจอยู่ จำเลยที่ 2 ได้ขับรถเลี้ยวขวาไปตามถนนสายสระบุรี – หล่มสัก เพื่อหลบการตรวจค้นของเจ้าพนักงานตำรวจ จนรถยนต์ของพันตำรวจโทอภิชาติกับพวกไล่ตามทันและจับกุมได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวจึงเป็นพิรุธอย่างยิ่งเพราะหากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นแล้วจะต้องยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจค้นพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ขับรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุมีเหตุให้เชื่อได้ว่าจะต้องเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นในการขนเมทแอมเฟตามีนด้วย นอกจากนั้นของกลางรายการที่ 2 ในบัญชีของกลาง ที่ยึดได้ภายในรถยนต์กระบะของจำเลยที่ 2 เป็นรายการต่าง ๆ เป็นรหัสสลับซึ่งพยานผู้ร่วมจับกุมเป็นหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดให้โทษของจังหวัดลพบุรี มีความรู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องการจับกุมยาเสพติดให้โทษโดยเฉพาะเบิกความว่าเป็นรายการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนและรหัสลับสำหรับติดต่อ ซึ่งเมื่อได้พิจารณาเอกสารดังกล่าวโดยละเอียดแล้ว น่าเชื่อว่าเป็นรายการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนและรหัสลับสำหรับเรียกผู้ติดต่อในการซื้อขายกันพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 พยานโจทก์หาได้มีเหตุข้อพิรุธสงสัยดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกาแต่อย่างใดที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกันกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 นั้นชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share