แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งหกให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งหกเสร็จสิ้น ในวันนัดอ่าน คำพิพากษา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ไม่คัดค้าน แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 แถลงคัดค้านว่าทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 เสียเปรียบและยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ 10,000,000 บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นผู้ค้ำประกันรับผิดร่วมกันในวงเงิน 400,000 บาท หากจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ชำระเงินให้โจทก์ 10,000,000 บาท จริง จำเลยที่ 2 และที่ 3 ย่อมพ้นความรับผิดไปด้วย ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ 10,000,000 บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา เป็นการกล่าวอ้างว่ามีการชำระหนี้นอกศาลและเป็นเรื่องนอกประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวมาให้ศาลไต่สวนเพื่อวินิจฉัยยกฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่ได้ ทั้งศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ตามคำคัดค้านของจำเลยที 2 และที่ 3 แล้ว ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันชำระเงิน ๑๘,๑๓๕,๔๓๘.๐๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๙ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๗,๐๙๔,๓๒๓.๕๒ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๙๓๘๑ ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด  นำเงินชำระหนี้ หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งหกออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งหกให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งหกเสร็จสิ้น และนัดอ่านคำพิพากษาวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๑ ในวันนัดอ่าน  คำพิพากษา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖ โดยจำเลยที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖ ไม่คัดค้านการ      ถอนฟ้อง แต่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ แถลงคัดค้านการถอนฟ้องเพราะทำให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เสียเปรียบ  ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาและการสั่งคำร้องขอถอนฟ้องเป็นวันที่ ๑๘  พฤศจิกายน ๒๕๔๑
ครั้นวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๑ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ ๔ แจ้งให้ทราบว่า จำเลยที่ ๔ และที่ ๖ ได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา ขอให้ทำการไต่สวนว่า จำเลยที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖ ได้ชำระเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่โจทก์ โจทก์จึงยอมถอนฟ้องจำเลยที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖  จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ เป็นผู้ค้ำประกันรับผิดในวงเงิน ๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท หากจำเลยที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖ ชำระเงินให้โจทก์ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จริง จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ย่อมพ้นความรับผิดไปด้วย ขอให้ศาลไต่สวนคำร้องนี้แล้วพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ ๒      ถึงที่ ๖
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องจำเลยที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖ และยกคำร้องขอไต่สวนของจำเลยที่ ๒ และ  ที่ ๓  ค่าคำร้องเป็นพับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๑๓,๒๖๕,๑๗๗.๓๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี จากต้นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และอัตราร้อยละ ๑๙ ต่อปี จากจำนวนที่เกินกว่า ๑,๐๐๐,๐๐๐  บาท แบบทบต้นนับแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ถึงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘  แบบไม่ทบต้นนับแต่วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ         แก่โจทก์ (ทั้งนี้ยอดหนี้ถึงวันฟ้องวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๓๙ ต้องไม่เกินกว่า ๑๘,๑๓๕,๔๓๘.๐๗ บาท) โดยให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และ  ที่ ๔ ร่วมรับผิดในเงินดังกล่าวเป็นเงิน ๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี จากต้นเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท และอัตราร้อยละ ๑๙ ต่อปี จากต้นเงิน ๕,๔๐๐,๐๐๐ท บาท นับแต่วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ เป็นต้นไปจนกว่าจะ   ชำระเสร็จ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๙๓๘๑ ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ ๑ ผู้จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์  และยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ บังคับชำระหนี้ตามจำนวนที่เป็นหนี้ได้ตามกฎหมาย ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยจำเลยที่ ๑ รับผิดในค่าทนายความ ๔๐,๐๐๐ บาท จำเลย   ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔  ร่วมรับผิดในค่าทนาย ๒๐,๐๐๐ บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก และให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๕ และที่ ๖
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ฎีกาขอให้ไต่สวนคำร้องลงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๑ ของจำเลยที่ ๒ และ   ที่ ๓ นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ อ้างในคำร้องว่า จำเลยที่ ๔ แจ้งให้ทราบว่า จำเลยที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖        ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งเป็น                 ผู้ค้ำประกันต้อง  รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๔  ที่ ๕ และที่ ๖ จึงพ้นความรับผิดไปด้วยนั้น เป็นการกล่าวอ้างว่ามีการชำระหนี้นอกศาลและเป็นเรื่องนอกประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จะอ้างข้อเท็จจริงตามคำร้องดังกล่าวมาให้ศาลไต่สวนเพื่อวินิจฉัยยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ไม่ได้ ทั้งศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖ ตามคำคัดค้านของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ แล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุที่จะไต่สวน       คำร้องลงวันที่   ๒๙  ตุลาคม  ๒๕๔๑ ของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ นั้นชอบแล้ว  ฎีกาของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓  ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

