คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจตนาของผู้กระทำผิดฐานรับของโจรนั้นต้องดูตามพฤติการณ์ทั่ว ๆ ไปประกอบกัน
เดิมรถจักรยานสองล้อของกลางที่จับได้จากจำเลยมีเลขทะเบียนเมื่อค้นได้ไม่มี แต่หมายเลขใต้อานปรากฎว่าตรงกันกับในทะเบียนของเจ้าทรัพย์ ข้อนี้ทำให้ข้อนำสืบของจำเลยที่ว่าซื้อมาจากผู้มีชื่อก่อนเกิดเหตุสองปีมาแล้วฟังไม่ได้ก็ตาม โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายแต่พะยานโจทก์ว่าเมื่อไปค้นบ้านนั้นรถคันนี้อยู่ในที่เปิดเผย กรณีจึงอาจเป็นว่าจำเลยรับไว้โดยชื่อแต่จงใจปิดบังผู้โอนรถให้หาโดยเกรงว่าจะศูนย์เสียกรรมสิทธิ์ในรถนี้ก็ได้ เมื่อพะยานโจทก์และเหตุผล(พฤติการณ์) ในคดีล้วงไปไม่ถึงว่าจำเลยได้รับรถมาโดยรุ้ว่าเป็นของร้ายเช่นนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับรถจักรยานสองล้อไว้โดยรู้ว่าเป็นของถูกปล้นมา ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลจังหวัดสงขลาฟังว่าจำเลยมีรถของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นของร้าย พิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามพฤติการณ์แสดงว่า จำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของที่ได้มาผิดกฎหมาย พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๒๑ จำคุก ๖ เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เพียงแต่ข้อพิรุธของจำเลยในข้อที่เดิมมีเลขทะเบียนรถ เมื่อค้นได้ไม่มี แต่หมายเลขใต้อานปรากฎว่าตรงกันกับใบทะเบียนรถของเจ้าทรัพย์ ฟังได้ชัดว่าเป็นของเจ้าทรัพย์ แม้จะทำให้ข้อนำสืบของจำเลยที่ว่าซื้อมาจากนายนิลที่ร้านน้ำชาก่อนเกิดเหตุสองปีนั้นฟังไม่ได้ก็ตาม เพียงเท่านี้ยังไม่ถึงขนาดจะฟังว่าจำเลยได้รับรถไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายโจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยได้รับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย แต่พะยานโจทก์และเหตุผลในคดีล้วงไปไม่ถึงว่าจำเลยจะได้รับรถมาโดยรู้ว่าเป็นของร้ายหรือไม่ กรณียังชวนให้คิดว่าจำเลยรับไว้โดยชื่อ แต่จงใจปิดบังผู้โอนรถให้มาโดยเกรงจะศูนย์เสียกรรมสิทธิ์ในรถนี้ไปก็อาจเป็นได้ แต่ทั้งพลตำรวจเที่ยงพะยานโจทก์ว่า เมื่อไปค้นนั้นรถนี้อยู่ในที่เปิดเผย ไม่ปิดบัง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น

Share