คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของจำเลยร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้โดยอ้างว่าจำเลยก่อหนี้เป็นส่วนตัว ไม่ผูกพันทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างโจทก์ก็ยึดทรัพย์พิพาทโดยไม่ร้องขอต่อศาลให้แยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของจำเลยเสียก่อนไม่ได้ ศาลจึงต้องรับคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องไว้พิจารณาจะสั่งยกคำร้องเสียเลยหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ 27,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์คือที่ดินโฉนดเลขที่ 294 พร้อมบ้านหนึ่งหลังตั้งอยู่ หมู่ที่ 4 ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์สินที่ถูกยึดเป็นสินบริคณห์โดยเป็นสินสมรส เพราะได้มาในระหว่างผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยากัน แต่ผู้ร้องยินยอมให้ใส่ชื่อจำเลยในโฉนดแต่ผู้เดียว หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยไม่ผูกพันทรัพย์ที่ถูกยึด เพราะจำเลยก่อหนี้เป็นส่วนตัว ผู้ร้องมิได้ยินยอมอนุญาตและได้มีหนังสือบอกล้างไปแล้ว ทั้งไม่ใช่หนี้ร่วมกันโจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดทรัพย์รายนี้เพื่อเอาชำระหนี้ได้ จึงขอให้ศาลสั่งถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวเสีย

ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นกรณีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษา โจทก์ย่อมยึดสินบริคณห์ซึ่งจำเลยมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ได้ ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของจำเลยจะร้องขัดทรัพย์หาได้ไม่ จึงให้ยกคำร้องตามนัยฎีกาที่ 928/2503

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกอุทธรณ์ของผู้ร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้ผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาทโดยอ้างว่าจำเลยก่อหนี้เป็นส่วนตัว จึงไม่ผูกพันทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีสิทธิยึดสินบริคณห์เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้ ผู้ร้องเป็นสามีจำเลย จะร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ จึงสั่งยกคำร้องโดยมิได้พิจารณาว่าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นหนี้ที่จำเลยก่อขึ้นเป็นส่วนตัวจริงหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าหากข้อเท็จจริงเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างแล้ว ศาลจะสั่งยกคำร้องของผู้ร้องยังไม่ได้เพราะหนี้ที่จำเลยก่อขึ้นเป็นส่วนตัว ย่อมไม่ผูกพันสินบริคณห์ โจทก์จะยึดทรัพย์พิพาทอันเป็นสินบริคณห์โดยไม่ได้ร้องขอต่อศาลให้แยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของจำเลยเสียก่อนไม่ได้ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 619/2514 คดีระหว่างนายกาว แซ่ตัน โจทก์ นายมนูญ แซ่ตัน กับพวก จำเลย นายไพรัช บุญยอุดมศาสตร์ ผู้ร้องขัดทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างหรือไม่ จึงต้องรับคำร้องไว้พิจารณาต่อไปก่อน จะสั่งยกคำร้องเสียเลยหาได้ไม่

อนึ่งปรากฏว่า ผู้ร้องได้เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาไว้ 625 บาท แต่ฎีกาผู้ร้องเป็นฎีกาคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227 ค่าขึ้นศาลเพียงเรื่องละ 50 บาท ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลเกินมา

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของผู้ร้องแล้วดำเนินการต่อไปตามกระบวนความ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่ง เมื่อทำคำสั่งใหม่ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแก่ผู้ร้อง 575 บาท

Share