แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินตามฟ้อง เป็นที่ดินตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ที่รัฐจัดสรรให้แก่สมาชิกนิคมสร้างตนเองเขื่อนเพชร โดยมีเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าว แม้จำเลยจะอ้างว่าได้เข้าทำกินในที่ดินพิพาทเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์ก็ตาม แต่ก็อยู่ภายในระยะเวลาตามเงื่อนไขและวิธีการของการจัดสรรที่ดินดังกล่าว ดังนั้น จำเลยจะอ้างเอาระยะเวลาการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง มาเป็นข้อต่อสู้โจทก์ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (น.ค.๓) เลขที่ ๑๕๖ ซึ่งนิคมสร้างตนเองเขื่อนเพชรกรมประชาสงเคราะห์ได้จัดหนังสือแสดงการทำประโยชน์ออกตามความในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๒๓ จำเลยเข้าถางป่าด้านตะวันออกและรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ โจทก์แจ้งนายอำเภอเจ้าหน้าที่อำเภอเปรียบเทียบปรับจำเลยแล้ว จำเลยกลับบุกรุกเข้ามายึดที่ดินของโจทก์ทั้งแปลง ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทและห้ามเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินพิพาทจากนางเมี้ยนเมื่อ ๒๐ ปีมาแล้ว และเข้าครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา ที่ดินพิพาทอยู่ทางทิศใต้ของที่ดินโจทก์ มีทางสาธารณะคั่น หนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินของโจทก์ออกโดยหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจโดยไม่สุจริตเพราะออกทับที่ดินของจำเลย โจทก์ไม่ฟ้องเรียกคืนภายใน ๑ ปี จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวอีกต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินตามฟ้องซึ่งรวมทั้งที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองโดยโจทก์นำที่ดินดังกล่าวเข้ารับการจัดสรรเพื่อทำกินในนิคมสร้างตนเองเขื่อนเพชร และจำเลยเป็นฝ่ายบุกรุกที่ดินพิพาท เมื่อได้ความว่าที่ดินตามฟ้อง เป็นที่ดินตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ ที่รัฐจัดสรรให้แก่สมาชิกนิคมสร้างตนเองเขื่อนเพชร จังหวัดเพชรบุรี โดยมีเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าว เช่นสมาชิกนิคมที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินจะใช้ที่ดินเพื่อการอื่นไม่ได้ จะต้องใช้เพื่อการเกษตรตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดไว้เท่านั้น ถ้าจะใช้ทำการอย่างอื่นต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดี เมื่อสมาชิกนิคมทำประโยชน์ในที่ดินแล้วและได้เป็นสมาชิกนิคมมาเป็นเวลาเกินห้าปี ทั้งได้ชำระเงินช่วยทุนที่รัฐบาลได้ลงไป และชำระหนี้สินเกี่ยวกับกิจการของนิคมให้แก่ทางราชการเรียบร้อย จึงให้ออกหนังสือแสดงการทำประโยชน์ให้แก่สมาชิกนิคม ผู้ได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์แล้วจึงขอให้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายที่ดินได้และภายในห้าปีนับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ผู้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินจะโอนที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นไม่ได้ นอกจากการตกทอดทางมรดก ภายในระยะเวลาดังกล่าวที่ดินนั้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีเป็นต้นแม้จำเลยจะอ้างว่าได้เข้าทำกินในที่ดินพิพาทเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์ก็ตาม แต่ก็อยู่ภายในระยะเวลาตาม เงื่อนไขและวิธีการของการจัดสรรที่ดินดังกล่าวดังนั้นจำเลยจะอ้างเอาระยะเวลาการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ วรรคสอง มาเป็นข้อต่อสู้โจทก์ไม่ได้
พิพากษายืน.