แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคล เมื่อประมาณกลางปีพ.ศ.2523 จำเลยโดยโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือรวม 10 ครั้ง ซึ่งหมายความถึงว่าทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคล หาจำเป็นต้องบรรยายไม่ว่าตัวบุคคลของโรงพิมพ์ที่ว่าจ้างนี้เป็นใครส่วนเวลาที่จ้างก็ระบุในฟ้องแล้ว แม้ไม่ได้บรรยายว่าตัวบุคคลผู้ว่าจ้างนั้นเป็นใคร วันเวลาจ้างทั้ง 10 ครั้งตามฟ้องเป็นวันเวลาใดบ้างก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับรวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลมีโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นกิจการอันหนึ่งของจำเลย จัดพิมพ์ จำหน่ายหนังสือแก่นักศึกษาและประชาชน โดยดำเนินการเอาเองบ้าง จ้างคนอื่นดำเนินการให้บ้าง โจทก์เป็นผู้เคยค้ากับจำเลยผ่านทางโรงพิมพ์ของจำเลยซึ่งว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือที่จัดพิมพ์ขึ้น กำหนดค่าจ้างเป็นคราว ๆ เมื่อประมาณกลางปี พ.ศ. 2523 จำเลยโดยทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงของจำเลยได้ว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือรวม 10 ครั้ง จำนวน 45,394 เล่ม ในราคาเล่มละ 88 สตางค์ โจทก์จัดทำแล้วส่งมอบให้จำเลยเป็นคราว ๆ โดยเจ้าหน้าที่โรงพิมพ์ของจำเลยลงชื่อรับไว้ถูกต้องครบถ้วน จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าจ้างจึงขอให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างจำนวน 39,929.12 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายให้ปรากฏว่าจำเลยโดยผู้ใดเป็นผู้ตกลงว่าจ้างโจทก์ ตกลงว่าจ้างแต่ละครั้งเมื่อใดจำเลยไม่เคยค้ากับโจทก์ไม่เคยว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 39,929.12 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือตามฟ้อง ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยจ้างโจทก์ทำปกหนังสือหรือไม่ โจทก์นำสืบไม่สมฟ้องหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงจะได้วินิจฉัยฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยในประเด็นที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่โดยจำเลยฎีกาอ้างเหตุแห่งการนี้ว่าตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่าโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ทำปกหนังสือตามฟ้องโดยโรงพิมพ์นี้มิได้มีสภาพเป็นบุคคลไม่อาจทำนิติกรรมใด ๆ ได้เป็นทำนองเกี่ยวกับอำนาจฟ้องด้วยนั้น ปรากฏชัดตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์แล้วว่า จำเลยเป็นนิติบุคคล เมื่อประมาณกลางปี พ.ศ. 2523 จำเลยโดยโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือซึ่งหมายความถึงว่าทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคล หาจำเป็นต้องบรรยายไม่ว่าตัวบุคคลของโรงพิมพ์ที่ว่าจ้างนี้เป็นใครส่วนเวลาที่จ้างก็ระบุในฟ้องแล้ว แม้ไม่ได้บรรยายว่าตัวบุคคลผู้ว่าจ้างนั้นเป็นใคร วันเวลาจ้างทั้ง 10 ครั้งตามฟ้องเป็นวันเวลาใดบ้างก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอบังคับรวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
พิพากษายืน