แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 5 มิได้มีเจตนาร่วมลักทรัพย์ แต่ขับรถยนต์กระบะเข้ามาจอดตรงบริเวณที่มีลูกปาล์มซึ่งจำเลยอื่นได้ลักตัดจากต้นปาล์มของผู้เสียหายนำมากองไว้ โดยจำเลยที่ 5 ได้นัดหมายกับจำเลยอื่นไว้ก่อนแล้วว่าจะมาขนลูกปาล์มไปหลังจากจำเลยอื่นลักทรัพย์เสร็จสิ้นแล้วนั้นเท่ากับว่าจำเลยที่ 5 ได้ตกลงช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยอื่นกระทำความผิดไว้ตั้งแต่ก่อนกระทำความผิดแล้วถือได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ของจำเลยอื่น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันลักทรัพย์ลูกปาล์มของผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และมีอาชีพกสิกรรม โดยใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 335, 336 ทวิ จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 2 ป่วยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ชั่วคราว ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 2 ปี จำเลยที่ 5 มีความผิดตามมาตรา 357, 80 จำคุก 1 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4และที่ 5 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335 วรรคสามจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 5 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 5 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 5มีความผิดฐานพยายามรับของโจรหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังยุติว่าในวันเวลาเกิดเหตุจำเลยที่ 5 ได้ขับรถยนต์กระบะของกลางเข้ามาจอดในที่เกิดเหตุบริเวณที่มีลูกปาล์มซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4ได้ลักตัดจากต้นปาล์มของผู้เสียหายนำมากองไว้จึงถูกตำรวจจับกุมตัวมาดำเนินคดีนี้ โจทก์มีสิบตำรวจโทสมชาติ โยธา สิบตำรวจเอกไพโรจน์ แก้วช่วย และร้อยตำรวจตรีจรูญ คงธรรม ซึ่งร่วมจับกุมจำเลยที่ 5 ด้วย เป็นพยานต่างเบิกความตรงกันว่า จำเลยที่ 5รับสารภาพในชั้นจับกุม ได้ทำบันทึกการจับกุมไว้ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.7 เห็นว่า การที่จำเลยที่ 5 ขับรถยนต์กระบะซึ่งเป็นรถสำหรับบรรทุกของเข้ามาในที่เกิดเหตุในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ลักตัดเอาลูกปาล์มของผู้เสียหาย และจำเลยที่ 5 มาจอดรถตรงบริเวณที่ลูกปาล์มซึ่งถูกลักตัดเอามากองไว้เช่นนั้นเป็นพฤติการณ์ที่ส่อแสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่าจำเลยที่ 5 กับจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ได้นัดแนะกันไว้ก่อนแล้วให้จำเลยที่ 5 มาขนเอาลูกปาล์มเหล่านั้นไป จำเลยที่ 5เบิกความตอนต้นว่าขับรถเข้าไปตามหาจำเลยที่ 4 แต่ตอนต่อมากลับเบิกความว่า เมื่อถูกจับกุมจำเลยที่ 5 บอกตำรวจว่าเข้ามาตามหาคนงานของตนจึงเป็นพิรุธ ไม่มีน้ำหนักพอที่จะรับฟังแก้ตัวได้เมื่อพิจารณาประกอบกับบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.7 ซึ่งจำเลยที่ 5 ได้ลงลายมือชื่อไว้ ปรากฏมีข้อความว่าจำเลยทุกคนซึ่งหมายรวมทั้งจำเลยที่ 5 ให้ถ้อยคำรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 5 ขับรถยนต์กระบะของกลางมายังที่เกิดเหตุเพื่อจะบรรทุกลูกปาล์มที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ลักเอาของผู้เสียหายมาข้อเท็จจริงไม่ได้ความชัดว่าจำเลยที่ 5 มีเจตนาร่วมลักทรัพย์กับจำเลยอื่นโดยแบ่งหน้าที่กันทำ แต่การที่จำเลยที่ 5 ได้นัดหมายกับจำเลยอื่นไว้ก่อนแล้วว่า จำเลยที่ 5 จะมาขนลูกปาล์มไปหลังจากจำเลยอื่นลักทรัพย์เสร็จสิ้นแล้วนั้น เท่ากับจำเลยที่ 5 ได้ตกลงช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยอื่นกระทำความผิดไว้ตั้งแต่ก่อนกระทำความผิดแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ของจำเลยอื่น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 5 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยและแม้ฎีกาโจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษในความผิดฐานนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 86 ลดโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือนลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์