แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์ จำคุกคนละ10 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 หนึ่งในสามเป็นจำคุก 13 ปี 4 เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 93 กึ่งหนึ่งเป็นจำคุก 15 ปีจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 7 ปี 6 เดือนจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกาปรากฏว่าจำเลยทั้งสองพ้นโทษในคดีก่อนที่เป็นเหตุเพิ่มโทษก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525 ไปแล้ว จึงได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ.2526 ถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่เคยถูกลงโทษในความผิดนั้นมาก่อน และเหตุดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดีมีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ที่ไม่มีฝ่ายใดฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 จึงเพิ่มโทษจำเลยทั้งสองไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙,๘๓ กับขอให้เพิ่มโทษาจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๙๒ และเพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ตามาตรา ๙๓ และริบมีดของกลาง
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพ และรับว่าเคยต้องโทษพ้นโทษจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓, ๓๓๙ วรรคสาม ลงโทษจำคุกคนละ ๑๐ ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๙๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็นจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ตามมาตรา ๙๓ กึ่งหนึ่งเป็นจำคุก ๑๕ ปี จำเลยที่ ๒ รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๗ ปี ๖ เดือน ริบมีดของกลาง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้องแต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๒ เนื่องจากจำเลยที่ ๑ เคยต้องโทษฐานมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษจำคุก ๙ เดือน ตามคดีหมายเลขแดงที่ ๑๔๓๖๔/๒๕๒๒ ของศาลอาญามาก่อนนั้นปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ กระทำผิดในคดีดังกล่าวก่อนวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๒๕ และพ้นโทษไปก่อนแล้ว ย่อมได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ถือว่าจำเลยที่ ๑ ไม่เคยถูกลงโทษในความผิดดังกล่าวมาก่อน และเห็นว่าจำเลยที่ ๒ ซึ่งศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๓(๑๓) เนื่องจากจำเลยที่ ๒ เคยต้องโทษฐานลักทรัพย์จำคุก ๑ ปี ตามคดีหมายเลขแดงที่ ๒๔๖๗/๒๕๒๑ ของศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) มาก่อน และจำเลยที่ ๒ กระทำผิดในคดีดังกล่าวก่อนวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๒๕ และพ้นโทษไปก่อนแล้วเช่นเดียวกัน เหตุดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงมีผลถึงจำเลยที่ ๒ ซึ่งไม่มีฝ่ายใดฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๓ ดังนั้นจึงเพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓, ๓๓๙ วรรคสาม ซึ่งแก้ไขแล้ว ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ ๑๐ ปีจำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพตามฟ้อง เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๕ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์