คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3075/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา55 มิได้หมายความว่า บุคคลใดต้องการใช้สิทธิทางศาลก็ยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ตามอำเภอใจ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้วยว่ามีกฎหมายสารบัญญัติสนับสนุนว่าเป็นกรณีจำเป็นที่บุคคลนั้นจะต้องมาร้องขอต่อศาลเพื่อรับรองหรือคุ้มครองตามสิทธิของตนที่มีอยู่หรือไม่ จึงจะใช้สิทธิทางศาลยื่นเป็นคำร้องขอได้ ตามคำร้องขอของผู้ร้องได้ความว่า ผู้ร้องเคยเป็นข้าราชการของสำนักงานสาธารณสุขอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ถูกปลดออกจากราชการ ต่อมามีพระราชบัญญัติ ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530 ออกใช้บังคับ ผู้ร้องเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงยื่นคำร้องขอบรรจุกลับเข้ารับราชการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรีได้มีคำสั่งไม่รับผู้ร้องให้กลับเข้ารับราชการ ซึ่งไม่มีอำนาจกระทำได้ ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว กรณีดังกล่าวนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิแก่ผู้ร้องที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลผู้ร้องจึงไม่มีสิทธินำคดีมาให้ศาลวินิจฉัย

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเคยเป็นข้าราชการของสำนักงานสาธารณสุข อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และถูกปลดออกจากราชการปี 2530 ได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530ออกใช้บังคับ ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าวเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการกลับเข้ารับราชการได้ ผู้ร้องเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงยื่นแบบขอบรรจุกลับเข้ารับราชการตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 รวมทั้งหนังสือรับรองของผู้บังคับบัญชาด้วยต่อมาวันที่ 5 ตุลาคม 2531 จังหวัดลพบุรีได้มีความเห็นสมควรรับผู้ร้องเข้าเป็นข้าราชการตามเดิม แต่เนื่องจากตำแหน่งเดิมของผู้ร้องเปลี่ยนแปลงไป จังหวัดลพบุรีจึงได้แจ้งหนังสือไปยังกระทรวงสาธารณสุขเพื่อดำเนินการดังกล่าว ซึ่งต่อมากระทรวงสาธารณสุขได้ทำหนังสือชี้แจงเรื่องการดำเนินการรับผู้ร้องกลับเข้าทำงานเป็นข้าราชการไปยังอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2533ว่า สามารถรับผู้ร้องเข้าเป็นข้าราชการได้แต่ตำแหน่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งเรียกว่าเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลเป็นตำแหน่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชุมชน ต่อมาผู้ร้องได้ดำเนินการติดต่อกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ต้นสังกัดของผู้ร้องเพื่อขอดำเนินการกลับเข้ารับราชการอีก โดยได้อ้างหนังสือของนายคณิต ธูปเทียนรัตน์ผู้บังคับบัญชาเดิมของผู้ร้อง วันที่ 14 มีนาคม 2534 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรีได้มีคำสั่งไม่รับผู้ร้องให้กลับเข้ารับราชการ โดยอ้างว่า นายคณิต ธูปเทียนรัตน์ ได้เพิกถอนหนังสือรับรองความประพฤติของผู้ร้อง หนังสือฉบับดังกล่าวลงชื่อโดยนายวิชัย เทียนถาวร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ทำการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ซึ่งไม่มีอำนาจกระทำได้ ทำให้ผู้ร้องเสียสิทธิกลับเข้ารับราชการ ขอให้เพิกถอนคำสั่งของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ตามหนังสือดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นคดีนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 บัญญัติว่า “เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่งหรือบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาล บุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแพ่งและประมวลกฎหมายนี้” เห็นว่า ตามบทบัญญัติดังกล่าวมิได้หมายความว่าบุคคลใดต้องการใช้สิทธิทางศาลก็ยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ตามอำเภอใจแต่ต้องเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้วยว่า มีกฎหมายสารบัญญัติสนับสนุนว่าเป็นกรณีจำเป็นที่บุคคลนั้นจะต้องมาร้องขอต่อศาลเพื่อรับรองหรือคุ้มครองตามสิทธิของตนที่มีอยู่หรือไม่ จึงจะใช้สิทธิทางศาลยื่นเป็นคำร้องขอได้ คดีนี้ตามคำร้องขอของผู้ร้องที่บรรยายมาได้ความว่า ผู้ร้องเคยเป็นข้าราชการของสำนักงานสาธารณสุข อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สุขาภิบาล 3 ถูกปลดออกจากราชการ ต่อมามีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา60 พรรษา พ.ศ. 2530 ออกใช้บังคับ ผู้ร้องเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงยื่นคำร้องขอบรรจุกลับเข้ารับราชการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรีได้มีคำสั่งไม่รับผู้ร้องให้กลับเข้ารับราชการ ซึ่งไม่มีอำนาจกระทำได้ ขอให้เพิกถอนคำสั่งของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรีเสีย กรณีดังกล่าวนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิแก่ผู้ร้องที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นเป็นคำร้องขอได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธินำคดีมาให้ศาลวินิจฉัยตามคำร้องขอ
พิพากษายืน

Share