แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการยกให้ที่ดิน จำเลยให้การต่อสู้ว่า’โจทก์ทราบการที่นางถมยายกที่ดินที่โจทก์ฟ้องนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ข้าพเจ้า ถึง 5-6 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้เพิกถอนหรือล้างนิติกรรมนี้ได้ตามกฎหมายฯลฯ’ ดังนี้ พอจะเห็นได้ว่า จำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางถมยาเป็นภริยาโจทก์ชอบด้วยกฎหมายนางถมยาได้เอาที่ดินสินบริคณห์ระหว่างโจทก์ กับนางถมยารวม 7 แปลงไปทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่นางอุดมจำเลย นางถมยาตายโจทก์จึงทราบว่า โฉนดหาย และนางถมยาได้โอนให้จำเลยไปแล้วการที่นางถมยาทำนิติกรรมโอนให้จำเลยโดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ผู้เป็นสามี เป็นโมฆียะกรรม ขอให้ศาลสั่งเพิกถอน นายรุณยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมกับนางอุดม และต่อสู้คดีต้องกันว่า นางอุดมจำเลยเป็นบุตรของนางถมยาเกิดด้วยนายรุณ โจทก์เป็นชายชู้ ทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องเป็นสินบริคณห์ระหว่างนายรุณกับนางถมยา และตัดฟ้องว่าโจทก์ทราบยกให้นี้มา 5-6 ปีแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้เพิกถอน หรือบอกล้างนิติกรรมได้ตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ทราบการยกให้เป็นเวลากว่าปีโจทก์บอกล้างมิได้พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาโจทก์คัดค้านว่า จำเลยมิได้ยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลไม่ควรยกเรื่องอายุความขึ้นวินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำให้การของจำเลยข้อ ค. มีความว่า “โจทก์ทราบที่นางถมยายกที่ดินที่โจทก์ฟ้องนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ข้าพเจ้าถึง 5-6 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้อง ขอให้เพิกถอนหรือล้างนิติกรรมนี้ได้ตามกฎหมาย ฯลฯ” ดังนี้พอจะถือว่า จำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้ทราบการยกให้แก่จำเลยเป็นเวลากว่าปี
พิพากษายืน