แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำว่า บังอาจ มีความหมายเพียงไร “บังอาจ” เป็นคำใช้เพื่อแสดงว่าไม่มีอำนาจทำได้ตามกฎหมายแม้ตามมาตรา 338 ข้อ 3 จะขาดคำว่าบังอาจก็หาทำให้ความประสงค์ผิดไปจากหลักกฎหมายทั่วไปไม่ แลเมื่อปรากฎว่าต่างสมัครใจทำร้ายกันก็อาจมีโทษตามมาตรานี้ได้
ฎีกาอุทธรณ์ ฟ้องมีมูลเป็นคดีอาชญาหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย วิธีพิจารณาอาชญา คำสั่งระวางพิจารณา การที่ศาลสูงพิจารณาคดีเสร็จสำนวนแล้วสั่งให้ศาลล่างทำอย่างไรต่อไปนั้นไม่ใช่คำสั่งระวางพิจารณาคู่ความย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาชญามาตรา ๓๓๘ ข้อ (๓)
ศาลเดิมไม่สืบพะยานทั้ง ๒ ฝ่ายเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมัครใจวิวาทกัน การสมัครใจไม่เป็นการบังอาจ เพราะบทที่โจทก์อ้างมาต้องมีการบังอาจ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นฟ้องโจทก์ถูกต้องแล้วเพราะการทำร้ายกันเป็นการบังอาจในตัวแล้วจึงพิพากษากลับให้ศาลเดิมดำเนินการพิจารณาต่อไปตามรูปความ
ป. จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ไม่มีมูลเป็นคดีอาชญา
ศาลฎีกาเห็นว่าคำว่า “บังอาจ” หามีคำอธิบายอยู่ในกฎหมายอาชญามาตรา ๖ ไม่ แ+บเป็นคำที่ใช้เพื่อแสดงความว่าไม่มีอำนาจทำได้ตามกฎหมายก็ได้ชื่อว่าบังอาจ และตามฟ้องโจทก์ก็ปรากฎว่าต่างฝ่ายต่างทำร้ายกัน เพราะฉะนั้นถ้าทำผิดจริงทั้ง ๒ ฝ่ายก็อาจมีโทษตามมาตรา ๓๓๘ ข้อ(๓) ได้แลเห็นว่าตามมาตรา ๓๓๘ ข้อ (๓) แม้จะขาดคำว่าบังอาจก็หามีความประสงค์ผิดแผกไปจากหลักกฎหมายทั่วไปไม่ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์