คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3042/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมตาม ป.อ.มาตรา 295 ปรากฏในทางพิจารณาว่า การกระทำผิดของจำเลยกับพวกที่รุมทำร้ายโจทก์ร่วมที่ 2 ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่เป็นอันตรายแก่กายยังไม่เป็นความผิดตามมาตรา 295 ศาลย่อมปรับบทลงโทษตามมาตรา 391ซึ่งเป็นการกระทำความผิดส่วนหนึ่งของบทมาตราที่โจทก์ขอให้ลงโทษมาได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,83, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายประชุม พิชิตไกวัล และนายอภิเดช พิรนนท์ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 391, 83, 91 เรียงกระทงลงโทษ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายประชุม พิชิตไกวัล ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ให้จำคุก 2 เดือน ความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายอภิเดชพิรนนท์ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ให้จำคุก 15 วันรวมจำคุก 2 เดือน 15 วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยฎีกาเป็นข้อกฎหมายต่อไปว่าศาลล่างทั้งสองจะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษนั้น ข้อโต้แย้งในข้อนี้คงจะมุ่งถึงการปรับบทลงโทษจำเลยที่เกี่ยวกับโจทก์ร่วมที่ 2 ซึ่งเห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 โดยปรากฏในทางพิจารณาว่าการกระทำผิดของจำเลยกับพวกที่รุมทำร้ายโจทก์ร่วมที่ 2 ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่เป็นอันตรายแก่กาย ยังไม่เป็นความผิดตามมาตรา 295ศาลอุทธรณ์ก็ปรับบทลงโทษ ตามมาตรา 391 ซึ่งเป็นการกระทำความผิดส่วนหนึ่งของบทมาตราที่ขอให้ลงโทษมาได้ จึงเป็นการชอบแล้ว…”
พิพากษายืน.

Share