แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุกรุกเข้าไปทำนาในที่ซึ่งรัฐบาลหวงห้ามไว้สำหรับสาธารณะประโยชน์ ไม่มีผิดฐานบุกรุก ทำผิดละหุโทษครั้งก่อนกับครั้งหลังห่างกัน 1 ปี จะเพิ่มโทษแลยกอาญาที่รอไว้มารวมด้วยไม่ได้ จำเลยที่มิได้อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยนั้น เมื่อมีเหตุในลักษณะคดีแล้วศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจจะตัดสินถึงจำเลยคนนั้นได้
ย่อยาว
คดีนี้ศาลเดิมตัดสินว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปทำนาในที่ซึ่งรัฐบาลหวงห้ามไว้สำหรับให้ราษฎรเลี้ยงสัตว์พาหนะ แลเจ้าพนักงานห้ามจำเลยไม่ฟัง จำเลยมีความผิดตาม ม.๓๒๗ แล ๓๓๔ ข้อ ๒ ให้จำคุกคนละ ๖ เดือน แลให้เพิ่มโทษ ส.ผ.ฐานไม่เข็ดหลาบตาม ม.๗๒ อีก ๑ ใน ๓ รวม จำคุก ส.ผ.คนละ ๙ เดือน แล้วลดโทษจำเลยทั้ง ๔ คนที่ให้การรับสารภาพเสียกึ่งหนึ่งตาม ม.๕๙ เหลือโทษจำคุก ส.ผ.คนละ ๔ เดือน ๑๕ วัน ฟ.ป.คนละ ๓ เดือน แต่ ส.ผ.เคยต้องโทษฐานบุกรุกแลขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกคนละ ๓ เดือนแต่ให้รอการลงอาญาไว้นั้นมาบวกเข้าด้วย คงเปนโทษจำคุก ส.ผ.คนละ ๗ เดือน ๑๕ วัน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่สาธารณะประโยชน์รายนี้ก็ไม่แปลกกับถนนหนทางแม้น้ำลำคลองซึ่งรัฐบาลสงวนไว้เปนสาธารณะแก่การคมนาคมใครเข้าไปยึดถือหรือกระทำการกีดขวางก็เปนผิดแต่เพียงฐานละหุโทษ ไม่มีผิดฐานบุกรุกตาม ม.๓๒๗ จึงพิพากษาแก้คำตัดสินศาลเดิมว่าจำเลยมีผิดแต่เพียงฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตาม ม.๓๓๔ ข้อ ๒ เท่านั้น ให้ปรับ ส.ผ.คนละ ๔๐ บาท ฟ.ป.คนละ ๒๐ บาท แลมีความเห็นว่าถึงแม้ ป.จะมิได้อุทธรณ์ขึ้นมาด้วย ก้ควรได้รับผลดุจกัน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๓๒๗
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามความมุ่งหมายของ ม.๓๒๗ นั้น ท่านประสงค์จะลงโทษแต่ผู้ที่มีเจตนาเข้าครอบครองทรัพย์อันเคลื่อนที่มิได้ ซึ่งมีเจ้าของปกครองใช้อำนาจหวงห้ามอยู่โดยฉะเพาะเท่านั้นหากินความถึงที่หลวงหวงห้ามไว้สำหรับสาธารณะประโยชน์เช่นคดีนี้ไม่ จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์