คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3038/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายแล้วพูดขอโทษอย่าให้ผู้เสียหายเอาเรื่อง ผู้เสียหายว่าแล้วกันไปแต่อย่าพูดให้เสียหายการที่ผู้เสียหายพูดกับจำเลยดังกล่าวเป็นการให้อภัยแก่จำเลยเมื่อจำเลยได้ขอโทษผู้เสียหายแล้ว โดยมีเงื่อนไขว่าจำเลยจะไม่ไปพูดให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย ยังไม่ถือว่าเป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะผู้เสียหายมิได้พูดว่าจะไม่ดำเนินคดีกับจำเลยตลอดไปแต่ผู้เสียหายจะไม่ดำเนินคดีกับจำเลยต่อเมื่อจำเลยไม่ไปพูดให้เสียหาย ดังนั้นสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้กำลังประทุษร้าย ใช้มือจับนมนางสาววรรณา การะเกตุ ผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้เสียหายพูดว่าแล้วกันไปแต่อย่าไปพูดให้เสียหาย และเบิกความตอบทนายจำเลยว่า ตอนแรกผู้เสียหายให้อภัยจำเลยแล้วไม่อยากเอาเรื่อง และตอบโจทก์ถามติงว่า เดิมผู้เสียหายไม่ตั้งใจจะเอาเรื่องจำเลยเนื่องจากจำเลยขอโทษผู้เสียหายและเกรงจะเป็นเรื่องทำให้ผู้เสียหายอับอายเป็นการส่อแสดงว่าผู้เสียหายกับจำเลยได้ยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายอันจะทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้เสียหายพูดกับจำเลยดังกล่าวเป็นการให้อภัยแก่จำเลยเมื่อจำเลยได้ขอโทษผู้เสียหายแล้ว โดยมีเงื่อนไขว่าจำเลยจะไม่ไปพูดให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย ยังไม่ถือว่าเป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะผู้เสียหายมิได้พูดว่าจะไม่ดำเนินคดีกับจำเลยตลอดไปแต่เป็นที่เข้าใจได้ว่าผู้เสียหายจะไม่ดำเนินคดีกับจำเลยต่อเมื่อจำเลยไม่ไปพูดให้เสียหายดังนั้นสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่เนื่องจากจำเลยอายุยังน้อย ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนและกำลังศึกษาอยู่ เพื่อให้จำเลยมีโอกาสกลับตัวประพฤติตนเป็นคนดีต่อไป สมควรรอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี.

Share